ต่อมาใน ปี คศ. 1921 หอแห่งนี้ได้ถูกทำลายลงโดยเนื่องจากสาเหตุที่ไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแบบแปลนทางสถาปัตยกรรม และรายการประกอบแบบการก่อสร้างที่สูญหาย เดิมต้นฉบับแบบแปลนนั้นเอามาจากกรมทหารเรืออังกฤษ แบบได้ถูกส่งไปให้ผู้ว่าการทำเนียบรัฐบาล ส่งต่อไปยังรัฐมนตรีสาธารณสุข สุดท้ายไปยังหน่วยงานท้องถิ่น เป็นไปได้ว่าได้สูญหาย เสียหายจากการขนส่ง หรืออาจถูกมอดปลวกทำลายในห้องเก็บพัสดุ เหตุหลักน่าจะเป็นโครงสร้างที่แตกหักจนเกินที่จะซ่อมแซม แบบแปลนที่สูญหายไป การกักเก็บน้ำประปาไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น คงเป็นอย่างนั้นมากกว่า
หลังจากที่หอนี้ได้ถูกทุบทิ้ง จนในปี คศ.1927 สภาเทศบาลเมืองไซง่อนได้ทำเป็นถนนวงเวียนตั้งชื่อว่า Marechal Joffre Square เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ระลึกถึงการสูญเสียในสงครามโลกปี 1914-1918
ต่อมาในปี 1972 รัฐบาลเวียตนามใต้ได้กลับมาบูรณะแยกดังกล่าวเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความร่วมมือของนานาประเทศที่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเวียตนามใต้ในขณะนั้น โดยกลางน้ำพุนั้น เป็นเสาสูง20เมตรห้าต้น เปรียบเหมือนความร่วมมือห้าพันธมิตรดั่งต้นปาล์มห้าต้นค้ำชูลูกโลก ข้างๆเสาทั้งห้าจะเป็นหลังคาทรงหลังเต่าทำด้วยทองแดง โดยด้านบนจะมีแผ่นหินจารึกประเทศพันธมิตรที่ช่วยเหลือเวียตนามใต้ในขณะนั้น(คิดว่าคงมีประเทศไทยด้วยนะ เพราะเราก็ส่งกองกำลังไปช่วยเหลือเขาในขณะนั้น) รวมทั้งมีบันไดสามสิบขั้นโดยมีชานพักบันไดทุกสิบขั้น ทางด้านใต้ของสระน้ำพุถูกยกพื้นเป็นแท่นสูงขึ้นห้าเมตร เพื่อแยกเป็นส่วนของสววรค์และโลกมนุษย์ ซึ่งต่างจากแท่นบวงสรวงของ Nam Giao ที่เมืองเว้(Hue) โดยรูปทรงของแท่นที่ยกสูงนี้จะกลมก็ไม่เชิงเหลี่ยมก็ไม่ใช่ แต่จะเป็นทรงรี สองแกนสิบสองเมตรและเจ็ดเมตร แท่นนี้รับโดยเสาเดี่ยว มีเสาแปดต้นล้อมรอบ บนแท่นจะแท่นบูชาสูงหนึ่งเมตรหันไปทางด้านเหนือ
เมื่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ยังไม่ได้ส่งมอบงานเนื่องจากชาวเมืองไซง่อนรู้สึกว่าเสาห้าต้นที่แบเหมือนมือที่ขอความช่วยเหลือ ทำให้ไม่เป็นที่ภาคภูมิใจของชาวเมือง ดังนั้นรัฐบาลจึงทำการดัดแปลงเสาและมือดังกล่าวด้วยการเปลี่ยนเป็นรูปกลีบดอกไม้ยี่สิบห้าแฉก จนเป็นโครงสร้างดังได้เห็นในปัจจุบัน
ต้นเดือนเมษายนปี 1976 หรือหลังจากเมืองไซง่อนถูกปฏิวัติ วงเวียนดังกล่าวได้ถูกลอบวางระเบิดเมื่อประมาณ สองทุ่ม มีชายหนุ่มเสียชีวิตหนึ่ง อีกสี่คนบาดเจ็บ หลังคาทองแดงหลังเต่าเสียหาย โดยทางตำรวจสรุปว่าเป็นการก่อวินาศกรรมล้มรัฐบาลของชายหนุ่มดังกล่าว ที่ตั้งระเบิดไดนาไมค์ไว้บนหลังเต่านั้นเอง
ต้นเดือนเมษายนปี 1976 หรือหลังจากเมืองไซง่อนถูกปฏิวัติ วงเวียนดังกล่าวได้ถูกลอบวางระเบิดเมื่อประมาณ สองทุ่ม มีชายหนุ่มเสียชีวิตหนึ่ง อีกสี่คนบาดเจ็บ หลังคาทองแดงหลังเต่าเสียหาย โดยทางตำรวจสรุปว่าเป็นการก่อวินาศกรรมล้มรัฐบาลของชายหนุ่มดังกล่าว ที่ตั้งระเบิดไดนาไมค์ไว้บนหลังเต่านั้นเอง
ปัจจุบันนี้ แม้จะไม่มีเต่าอยู่ที่นั่น แต่ชื่อวงเวียนน้ำพุหลังเต่ายังคงอยู่ มีชีวิตชีวายามค่ำคืน รอบๆมีทั้งค๊อฟฟี่ชอ๊ป ขายของที่ระลึก ร้านรวงต่างๆมากมาย ขึ้นชื่อเรื่องไอศครีมโดยเฉพาะรสกะทิ บริเวณรอบนอกน้ำพุมีต้น โอ๊ค(golden oak) จำนวนมาก มีอายุนับหลายปี ผลของมันจะมีปีกสองข้างเวลาร่วงจะหมุนควงลงมาช้าๆลงดิน ในช่วงฤดูดอกไม้บาน มันจะส่งกลิ่นหอมหวลเวลาผ่านบริเวณนี้
ที่มา:Saigon Times(EN)