Dict Vietnam Onlines

Dict Vietnam Onlines
Google

See Vietnam

Loading...

หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Entertainment (4) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (11) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Tuesday, November 21, 2006

Vietnam Massage(Mát xa=มัด ซา )


Mát xa=มัด ซา เป็นการนวดเพื่อสุขภาพ ต้นสำเนียงมาจากภาษาอังกฤษจากคำว่า Massage(มัดสาด) เท่าที่เคยสังเกต ชีวิตประจำวันการทำงานคนเวียต จะใช้ชีวิตบนหลังมอไซต์ ส่วนมากจะปวดหลังและเอว ทำให้ปวดเมื่อยบ่อยๆ รวมทั้งความเครียดจากการทำงาน จึงต้องหาคนมานวดให้สบายเนื้อสบายตัวบ้าง อย่างมีสตางค์ก็ไปใช้บริการหาเองตามโรงแรมที่เขาให้บริการ บางที่จ่ายเงินหลังบริการ รับกุญแจล๊อกเกอร์ เก็บเสื้อผ้ากระเป๋าตังค์ในช่องเก็บล๊อกกุญแจพร้อมคล้องคอหรือมือไปด้วย(เว้นแต่ ตั้งใจให้เขาบริการบางอย่างเป็นพิเศษ ก็เอากระเป๋าตังค์ติดไปด้วย) ทีนี้ก็ลงอ่างชำระล้างร่างกาย อบไอน้ำสมุนไพร พอให้เหงื่อระบายสักห้าถึงสิบนาทีในห้องอบ ซึ่งจะอบสาระพัดอย่าง เช่นการะบูร ไม้หอมกฤษณา สมุนไพรจีน กะเพรา มีหินร้อนวาง เอาน้ำราด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกับร่างกาย พอได้เหงื่อเต็มที่ จนรูขุมขนเปิด ก็โดดแก้ผ้าลงอ่างน้ำวน(จากุ๊สชี่) ทันที เนื่องจากผิวหนังที่ตึงเครียดนั้นจะเกิดจากกรดแลคติกสะสม ในกระบวนการทางร่างกาย ก็จะถูกขับออกไป ทำให้รู้สึกเบาสบายเหมือนปุยนุ่น จากนั้นก็อาบน้ำ ถูสบู่ สระผม รวมๆตั้งแต่เริ่มเข้ามา ตกประมาณ สามสิบถึงสี่สิบนาที เข้าห้องใครห้องมันจะมีหมอนวดสาวๆหรือแก่ๆ


หมอจะเริ่มสนทนา ด้วยภาษาเวียต ใครพูดได้สื่อได้ก็โชคดี พูดได้ฟังได้นิดหน่อยก็โชคดีไปอีกแบบ ฮ่า...จากนั้นก็ตัวใครตัวมัน การนวดเท่าที่ผมไปมา โดยมากจะนวดคอ ลำตัว ดัดตัว โดยส่วนตัวผมยังหาที่นวดแล้วประทับใจยังไม่มี อาจเพราะผมไม่ค่อยได้ขี่มอไซต์เหมือนคนเวียตนามเลยไม่เมื่อยถึงจุดก็ได้ ส่วนมากจะเขาจะนวดผิดจุดทุกที ฮ่า...แต่ยอมรับว่า หมอแต่ละคนเขาคัดมาจริงๆ คิดว่าหน้าตาคล้ายดาราทีเดียว เสียอย่างเดียวคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง สนนราคาทั่วไป ก็ประมาณ ห้าร้อยบาท (ปี 2006) ส่วนทิป(=หลี่ สี่)นั้นก็แล้วแต่ความชอบในบริการ (ส่วนมากหมอที่ชอบพอจะแลกเบอร์กัน และชอบชวนเราไปเที่ยวที่บ้าน พบพ่อแม่)

นวดอีกแบบก็คือการนวดตามร้านตัดผม ซึ่งในโฮจิมินห์และปริมณฑลจะมีร้านตัดผมเป็นจำนวนเยอะมากๆ เพราะลงทุนน้อย ไม่ต้องเรียนอะไรมามากก็ทำได้ หลังจากตัดผมเสร็จ(ปี 2004 ราคาก็อยู่ระหว่าง 20-200 บาท) จะเลือกบริการอะไร ก็มีทั้ง แคะหู นวดตัว นวดหน้า ลอกสิวเสี้ยน มีครบ พอเจอคนต่างชาติเขาจะชอบมากๆ( เพราะทิปหนัก) บริกรสาวจะถามชื่ออะไร คนประเทศไหน อายุเท่าไร โสดหรือเปล่า ทำงานอะไร ซึ่งผมค่อนข้างจะได้ยินบ่อยมาก (ทำให้ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยจริงๆ ถึงแม้จะจน ฮ่า...) บางครั้งก็เลยเถิดเกินไปกว่าการนวด ทำให้ผมไม่ค่อยชอบ เพราะไปนวดทีไร เมื่อยหนักกว่าเก่าทุกที(อย่าคิดลึกนะครับไม่ได้ XXX กัน) เพราะเธอนวดแต่คออย่างเดียว จนคอผมเคล็ดไปเลย บางที่ก็นวดน้ำมันเอาแต่นวดจุดนั้นจุดเดียว ไปไปมามา ก็ยิ่งเมื่อยมากกว่าเก่า ขอเตือนนักเที่ยวนิดนึงให้ ระวังเอดส์(=สี ดา) ด้วยเพราะเวียตนามมีผู้ติดเชื้ออยู่เป็นจำนวนมาก และเรื่องเพศศึกษายังลึกลับล้าหลัง ยังไงก็หาถุง(=บาว กาว ชู หรือคำล้อเลียน น๊อง บ๋าว เห-ม) มาป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เพราะมีคนไทย/ฝรั่งตาย กันเยอะ


นวดอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งผมว่าน่าจะตรงกับหัวข้อ ก็คือ มัด สาด เดลิเวอรี่ คือบริการถึงบ้าน หรือถึงที่ ผมเคยพบ บางครั้งก็บริการคนขับรถบรรทุกตามข้างถนนหรือข้างทาง ผู้เฒ่าผู้แก่ตามบ้าน ลุงป้าที่เมื่อยตัว หรือบริการให้กับกลุ่มมอไซต์รับจ้างในตรอกซอกซอย อย่าคิดลึกนะครับ ฮ่า...เขาเป็นหมอนวดชายก็รุ่นๆหน่อยปั่นจักรยานถือกระพรวนที่ทำจากฝาจีบเครื่องดื่ม ขี่ไปเขย่าไปดัง แซะๆ เปิดบริการช่วงตอนบ่ายๆถึงเที่ยงคืน บ้านไหนต้องการให้บริการก็ตะโกนเรียกทั้งจับเส้นนวด น้ำมัน บางเจ้าก็นวดความร้อนประคบ หรือVacuum สูญญากาศ คือใช้ถ้วยดินเผา หรือแก้ว เป่าให้ร้อนแล้วไปวางตามแผ่นหลัง ตรงจุด ชี่(น่าจะเป็นจุดชีพจรสำคัญของร่างกาย)ประมาณแปดจุดหน้าหลังลำตัวคนเรา ทำให้รู้สึกร้อนและเลือดวิ่งไปรวมกัน ณ จุดนั้น เพื่อนเวียตที่ร่วมงานเขานิยมมาก ถอดเสื้อแต่ละทีหลังช้ำเป็นดวงๆเลย เขาว่ามันดีต่อสุขภาพ ครั้งหนึ่งก็ยี่สิบบาท ซึ่งก็ไม่แพง หรือบางคนใช้แผ่นปิดพลาสเตอร์ยาตามจุดปวดเมื่อยก็มี อย่างสองข้างลำคอแผ่นหลัง ขมับ อันนี้บ้านเราก็มีขาย ส่วนฝังเข็มคลายเส้นนั้นก็มี แต่ผมไม่ค่อยเห็น

นวดวิธีสุดท้าย อันนี้เป็นนวดฉบับชาวเหนือ เฟือง บั๊ก (สงสัยจะไม่ค่อยมีคนรู้จัก ฮ่า..) เป็นนวดเฉพาะ ส่วนหัว ที่ผมคิดว่าทำให้หายเครียดมากที่สุด อันนี้เป็นสูตรชาวบ้านเท่าที่เข้าใจ ต้องนอนคว่ำหน้ากับตัก เขาจะนวดโดยการจะดึงเส้นผมเป็นกระจุกๆละประมาณสิบห้าถึงสามสิบเส้น กระตุกพอตึงมือสักสองครั้งสามครั้ง วนไปทุกจุดทั่วศรีษะ จากนั้นก็นวดขมับ คิ้วคาง ท้ายทอย จนผมเพลินเผลอหลับไปหลายครั้งเลย อันนี้ไม่เสียตังค์

Monday, November 13, 2006

12 ราศี(Vietnam Zodiac)


วันนี้จะขอกล่าวถึงสิบสองราศีแบบเวียตนาม โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าวัฒนธรรมโดยรวมของเวียตนาม จะคล้ายคลึงของจีน การนับปีตามปฏิทินก็เช่นกัน ชาวเวียตนามส่วนมากทั้งที่อาศัยในประเทศและต่างประเทศ จะยึดเอาระยะเวลาการโคจรของดวงจันทร์(mặt trăng=หมัด จรัง)หรือระบบจันทรคติ เพื่อใช้ดูช่วงระยะเวลาและวันต่างๆ ตามประเพณี เทศกาล ดูฤกษ์งามยามดี และวันจัดงานศิริมงคลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะเวลางานเฉลิมฉลองวันปีใหม่เวียตนาม(Tết=เต๊ด) ซึ่งแต่ละปีมีวันและช่วงเวลาไม่ตรงกัน ในปีหนึ่งนั้นการเริ่มต้นเปลี่ยนฤดู ก็คือช่วงที่ชั่วโมงกลางวันกลางคืนเท่ากัน(ช่วงที่พระอาทิตย์ห่างเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด) ทางยุโรปก็ประมาณ 21 มี.ค. และ 23 ก.ย. ของทุกปี แต่ระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นเวลากลางปีปฏิทินของเวียตนาม เพราะว่าการเริ่มต้นฤดูที่เร็วกว่ายุโรปล่วงหน้าไป 6 สัปดาห์ ตามความเชื่อของชาวเวียตนามนั้น ช่วงเวลาแต่ละปี จะแทนสัญลักษณ์แต่ละปี ด้วยสัตว์ต่างๆ 12 ชนิดหรือ 12 ราศี(hoàng đạo =ฮว่าง ด่าว) ด้วยกันซึ่งผมขอเอาของไทยเรามาเทียบกันแล้วเป็นดังนี้

ราศีเวียตนามราศีไทย
หนู(=กอน จวด)หนู(ชวด)
วัว(=กอน บ่อ)หรือควาย(=กอน เจา)วัว(ฉลู)
เสือ(=กอน กอบ)เสือ(ขาล)
แมว(กอน แมว),กระต่าย(เถาะ)
มังกร(=กอน หร่อม)มังกร(งูใหญ่)
งู(=กอน รั้ง),งู(งูเล็ก)
ม้า(=กอน เง่อ)ม้า(มะเมีย)
แพะ(=กอน เย่)หรือแกะ(=กอน กื่อ)แพะ(มะแม)
ลิง(=กอน คี้)ลิง(วอก)
ไก่(=กอน ก่า),ไก่(ระกา)
หมา(=กอน จ้อ) หมา(จอ)
หมู(=กอน แฮ-ว) หมู(กุน)

เรียกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันทีเดียวแต่ต่างกันตรงที่ทางเวียตนามจะมี ปีแมว ส่วนไทยเราจะเป็นปีเถาะ เท่านั้นเอง ว่าไปก็แปลกดี จริงแล้วสัตว์ทั้งหมด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นสัตว์ในตำนาน คือมังกร ส่วนอีกสี่ชนิด อาทิ หนู เสือ งู ลิง เป็นสัตว์ป่าไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวกับคน ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดชนิดนั้นเป็นสัตว์ที่ถูกคนนำมาเลี้ยงไว้ ในแต่ละหนึ่งราศี จะวนครบรอบทุกๆ 12 ปี เช่น ปีมังกร จะเป็นปี คศ.1976,1988,2000,2012 เป็นต้น ถึงกระนั้นก็ตาม ชาวเวียตนามยังต้องมีธาตุประจำในกลุ่มราศี โดยธาตุต่างๆจะมีหลักๆอยู่ห้าธาตุ(ไม้,ไฟ,ดิน,ทองและน้ำ) ซึ่งแต่ธาตุจะแยกย่อยออกเป็นส่วนที่ดีและร้าย(หยิน-หยาง) แบ่งเป็นสิบส่วน(2X5=10) ดังนั้นกลุ่มราศีจึง มีรอบปี โดยเอาธาตุหลักมาประกอบกัน และราศีแต่ละปี จะมีธาตุที่เปลี่ยนแปลงแต่ละปีเช่นกัน เมื่อครบรอบราศี(5X12=60) จึงเท่ากับ 60 ปี ซึ่งจะวนมาเริ่มราศีที่ตั้งต้นใหม่ตัวอย่าง เช่น ถ้าเริ่มราศีหนู ก็จะมีห้าธาตุโดยเริ่มจากธาตุไม้ก่อน รอบต่อไปของปีต่อไปราศีควาย....จนถึงราศีหมู พอวนกลับมาราศีหนู แต่ทีนี้เป็นราศีหนูธาตุไฟ ตามที่ท่านเคยได้ยินว่าปีมังกรทอง ก็คือกันกับของชาวจีนครับ(ถ้าใครได้อ่านตำราพรหมชาติของไทยก็คงจะเห็นว่าธาตุของไทยก็มีเช่นกัน ถ้าจำไม่ผิด ก็มี หนูน้ำ หนูไม้ หนูไฟ...เรียงกันไป ตามช่วงเดือน ต่างจากชาวเวียตที่จะเป็นช่วงปี) วนไปเช่นนี้ จบครบรอบ 60 ปี นับว่าแปลกดี อีกทั้งยังมีการแบ่งราศีไปในชั่วโมงวันโดยแบ่งราศีละสองชั่วโมงในแต่ละวัน และมีเกี่ยวข้องกับโชคชะตาชีวิตของคนเรา...เล่ามาไกลแล้ว สำหรับความเชื่อโชคชะตานั้น ชาวเอเชียเราจะคล้ายๆกันในเรื่องการทำนายทายทัก เหมือนอย่างที่เราเคยได้ยินคนว่า เรื่องดวงว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ โดยผมหวังว่าจะหาโอกาสมาเล่าคราวต่อไปว่าชาวเวียตนามเขามีคำทำนายเกี่ยวกับราศีอุปนิสัยของคนในตามวันอย่างไร วันนี้เพียงพอแล้วขอราตรีสวัสดิ์ก่อน ครับ

ที่มา:http://en.wikipedia.org/,www.thingsasia.com