ปลายปี 2003 ผมไปทำงานที่โฮจิมินห์ ช่วงที่กำลังมีการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 22 แต่ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาไปดูกับเขาหรอกเพราะติดทำงาน กีฬาที่นิยมกันในหมู่คนที่นั่นแบ่งเป็นหลายวัย อย่างวัยรุ่นไม่ต่างจากบ้านเราคือชอบแทงบอล เตะบอล(đá bóng=ด๊า บัน) ตอนตีห้าผมเคยออกไปวิ่งที่สวนสาธาณะติดกับโบสถ์แถวเจอะเลิ้น(เขต5ไชน่าทาวน์) มีคนสูงอายุ มาออกกำลังกาย (thể dục =แถ หยุบ) เยอะมาก วิ่งบ้าง เดินบ้าง รำไท๊เก็กบ้าง รำกระบี่ก็มี บ้างก็เตะลูกขนไก่(chơi cầu =เจย เก่า)เตะก็คล้ายเตะตะกร้อ แต่เขตโบสถ์เขาไม่อนุญาต(ดึ่ง เจย เก่า)ให้เล่นนะครับ ไอ้เจ้าเตะลูกขนไก่นี่เห็นเล่นกันได้ทุกวัยเลยและเห็นทุกที่ ถึงว่าปีนี้ตะกร้อหญิงเวียตนามถึงได้แชมป์ซีเกมส์ที่ผ่านมาที่ฟิลิปปินส์ ส่วนเต้นแอร์โรบิค ผมไม่เคยเห็นนะครับ
มาว่าถึงซีเกมส์ครั้งที่ผมอยู่ดีกว่า สัญลักษณ์ปีนั้นเป็นควาย ควาย(con trâu =กอน เจา)นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ถ้าเป็นบ้านเราคงเป็นช้างนะครับ โรงแรมเฟืองนำที่ผมได้ไปพักหน้าโรงแรมก็ยังมีรูปปั้นเด็กเลี้ยงควายเลย แต่ที่เหมือนกับบ้านเราก็คือพบเจอควายกันน้อยมาก ต้องไปชนบทไกลเมืองถึงจะเห็นว่ามี ตอนนั้นมีฟุตบอลทีมไทยเรามาแข่งรอบคัดเลือก แต่ใกล้รอบชิงก็ไปแข่งที่ฮานอย เพื่อนหลายคนก็บ่นเหมือนกันว่าเมืองโฮจิมินห์เหมือนลูกเมียน้อย กีฬาโปรดปรานก็ไปแข่งที่ฮานอยหมดรวมทั้ง
ฟุตบอลที่พวกเขาชื่นชอบด้วย วันนั้นเป็นวันศุกร์จำได้ว่าเป็นรอบก่อนรองชนะเลิศทีมชาติเวียตนามแข่งกับมาเลเซีย(=มา ลาย)เย็นวันนั้นเวียตนามชนะซะด้วย เกิดจราจลขึ้นทั่วเมืองโฮจิมินห์ฝูงมอเตอร์ไซต์แสดงความดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ตำรวจก็ไม่กล้ายุ่ง ทั้งเมาเหล้าเมามันส์โห่ร้องถือธงชาติปลิวสะบัดเต็มท้องถนน เพื่อนที่ทำงานบอกผมว่าอยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้รถติดมาก วันนั้นก็เลยงดเข้าไปกินเหล้าในเมือง เช้าวันต่อมามีข่าวลงว่ามีอุบัติเหตุจากการฉลองดังกล่าวเกิดทั่วไปส่วนมากจะเป็นเมาแล้วขับ คืนนั้นกลับไปถึงโรงแรมที่พักกว่าสี่ทุ่มไฟโรงแรมก็ดับอีก จำได้ว่าไฟดับเดือนละสามสี่ครั้งทั้งกลางวันและกลางคืน ถามคนที่นั่นเองเขาว่าเป็นเรื่องปกติ พักหลังชักถี่ แถวที่ผมพักรายรอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่าสี่ห้านิคมซึ่งใช้ไฟกันเยอะจริงๆ ปากทางนิคมก็มีแต่เครื่องปั่นไฟGenerator(máy phát điện =ไม๊ ฟัก เด๋ง) คิดว่าปัจจุบันคงดีขึ้น เพราะมีการสร้าง PowerPlant ขึ้นหลายที่แล้ว
ทีนี้พอรอบชิงก็คู่ไทยกับเวียตนามแต่ไปแข่งที่สนามฮานอย วันนั้นชวนเพื่อนร่วมงานหลายคนไปร่วมชมที่ร้านอาหารในโรงแรมคนเต็มทุกโต๊ะ ครึ่งแรกยังเสมอ พอครึ่งหลังก่อนหมดเวลาไทยจบชนะที่สองศูนย์(=จิ๊ง ทั้ง) วันนั้นมีผมเฮอยู่คนเดียว ทำเอาเสียวเหมือนกันเพราะผมเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่นั่งดู วันนั้นหลังจากเพื่อนกลับ ผมกับเพื่อนอีกคนชื่อแคง ก็ถือโอกาสขี่รถชมรอบเมืองคืนนั้น พบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าเงียบสงัดผิดกับครั้งที่ชนะมา-ลาย จริงๆ