หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Education (5) Entertainment (5) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (16) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)
Showing posts with label travel. Show all posts
Showing posts with label travel. Show all posts

Sunday, November 30, 2008

สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

จะว่าไปแล้วความเชื่อของคนเวียตกับคนไทยก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก ผมจำเมื่อครั้งปี 2550 นั้นเป็นปีที่คนบ้านเราขาดกำลังใจและศรัทธาอย่างรุนแรง จตุคามซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่มีกระแสปลุกเสกกันอย่างกว้างขวางและคลั่งไคล้ แต่ทว่าไม่ถึงปีก็เสื่อมความนิยมลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้ว่า วัตถุมงคลไม่ได้ช่วยอะไรไปมากกว่าความสบายใจแค่ชั่วคราวเท่านั้น วันนี้ผมได้เดินทางร่วมไปกับคณะลูกทัวร์ผู้ที่อาศัยอยู่ลุมพินีนวมินทร์แฮปปี้แลนด์ โครงการเที่ยวเจ็ดวัด(ยือ อ๊าน ไบ๋ จั่ว) ในจังหวัดนครปฐม แต่โปรแกรมสถานที่มีการเปลี่ยนแปลง ที่แรกที่ได้ไปก็คือวัดดอนหวาย เขตอำเภอสามพราน เป็นสถานที่ขึ้นชื่อในหมู่นักชอบปิ้งของกินทั้งนั้น สาวสาวชอบมากเป็นตลาดที่มีมาตั้งแต่รัชกาลที่6 ตามคำบอกเล่าชาวบ้านนั้นเดิมทีสถานที่นี้เดิมเรียกว่าโคกหวายเพราะมีต้นหวายอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2394 โดยสงฆ์(ดอบ ฝัก)สานุศิษย์ของหลวงพ่อโสธรฉะเชิงเทรา เดิมทีเป็นชุมชนเก่าแก่ชาวจีนติดริมแม่น้ำท่าจีน(ซอม ท่า จีน)ซึ่งมีต้นน้ำแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จ.ชัยนาทปลายแม่น้ำออกมหาชัยสมุทรปราการ มีหลายตระกูลอาทิแซ่อึ้ง แซ่เตียว แซ่โง้ว แซ่ลิ้ม ต่อมาได้กลมกลืนเป็นคนไทยไปแล้ว เราค่อนข้างมาเช้าไปหน่อยตลาดพึ่งจะเปิดขาย ส่วนมากเป็นของกิน ส้มโอนครชัยศรี ทับทิม แตงโม(เหยื่อ)น้ำผึ้งเปลือกเขียวเนื้อเหลือง แตงโมไดอาน่าที่ลูกเหลืองเนื้อแดง หนังปลากรายทอดกรอบ และอื่นๆ ของแปลกที่เจออีกก็มี เจอต้นฮว่านหง๊อก คนขายเล่าว่ามีสรรพคุณหลายอย่างจำไม่ได้ บ้านเราเรียกว่าพญาวานร คือลิงไปกินแล้วหายเจ็บป่วยคนเราก็เลยเอาไปกินบ้าง เป็นพืชที่นำมาจากเวียตนามต้นละ50บาทสี่ต้นร้อยบาท ท่าน้ำมีเรือเช่าชั่วโมงชมทัศนีนภาพแม่น้ำ ตอนเหนือแม่น้ำไม่ไกลเป็นที่ประทับรับรองฟ้าหญิงอุบลรัตน์ อากาศวันนี้เย็นดีแดดไม่มีเลย ท่าน้ำก็เต็มไปด้วยปลาสวาย ตัวโตโตแก่แก่(เลิ้ง เลิ้ง หย่า หย่า ) ที่จอดรถเต็มตอนเราออกมา เราไปวัดไร่ขิงต่อซึ่งห่างจากจุดนี้ไปห้ากิโลเมตร ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิงขอพรแล้วสมปรารถนา วัดนี้พื้นที่จอดรถกว้างมากหอระฆังใหญ่มาก คนมากันเยอะมาก โดยจะมากันเป็นครอบครัวไหว้พระขอพร ตรงข้ามอุโบสถเป็นที่ตั้งศพบำเพ็ญ มีวงปี่พาทย์มอญสวยงามมากกำลังบรรเลง ชุมชนนี้มีคนมอญอาศัยอยู่มากตั้งแต่รัชกาลที่1 รัตนโกสินทร์ คงจะเป็นตอนที่ช่วยกู้ชาติตอนเสียกรุงศรีอยุธยา ทราบว่าวัดนี้ก็ก่อตั้งโดยสานุศิษย์อีกรูปหนึ่งของหลวงพ่อโสธรเช่นกัน คงจะก่อตั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกับวัดดอนหวาย เดิมทีตรงนี้เป็นไรป่าขิงจึงเป็นที่มาของชื่อวัด หลวงพ่อวัดไร่ขิงคือพระพุทธรูปปางมารวิชัยคือนั่งขัดสมาสหัตถ์ขวาคว่ำวางที่หน้าแข้ง หันหน้าไปทางแม่น้ำท่าจีน(ทิศเหนือ) ที่นี่ห้ามจุดประทัดดภายในวัด จะมีสถานที่ให้จุดเป็นห้องเก็บเสียงติดตีนสะพาน(เก่า ท่า จีน)แม่น้ำท่าจีนห่างอุโบสถสองร้อยเมตร แปลกดี ต่อไปก็เป็นวัดไผ่ล้อมหลวงพ่อพูล เดิมมีต้นไผ่ล้อมรอบวัด ตามภาษาอินเดียไผ่เรียกว่าเวฬุ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ที่นี่ขึ้นชื่อทางด้านให้หวยแม่น ศพหลวงพ่อพูลไม่เผาแต่ถูกเก็บไว้ในโลงแก้วตามความเชื่อหรือเอาไว้หากินก็ไม่ทราบได้ ฮ่า...แต่ที่นี่มีหลายคนไปซื้อหวย(เว้ โซ้)แล้วถูกก็มี ส่วนที่กำลังมาแรงตอนนี้ก็วัวธนู ให้คุณทางค้าขายร่ำรวย ปัจจุบันทางวัดมีหลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้บริหาร คนก็เยอะมากๆ ไม่ไกลนัก ผมสังเกตเห็นพระปฐมเจดีย์วรมหาวิหาร อยู่ไกลๆ ถามชาวบ้าน เล่าว่ากำลังอยู่ในระหว่างบูรณะเพราะฐานทรุด แต่ก่อนที่เราจะไปนั้น เราจะต้องไปที่พระราชวังสนามจันทร์ซึ่งเป็นวังเก่าของ ร.6 จะเป็นอย่างไรคงไว้เล่าคราวต่อไป

Monday, July 14, 2008

ดินแดนแห่งต้นมะพร้าว

Dừa เหยื่อ หรือมะพร้าว มีมากใน เขตQuoi Anซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำโขง จ.Ben Tre มีผลิตภัณฑ์เลื่องชื่อที่ทำจากต้นมะพร้าวหลายๆอย่างด้วยกัน
จากท่าเทียบเรือศูนย์ท่องเที่ยวPhong Phu เดินทางโดยเรือ12ที่นั่งของบริษัทBen Tre Tourism ผ่านทิวร่มไม้ พุ่มไม้ เลียบไปตามคลองMieu ประมาณ 100 เมตรก็จะถึงแม่น้ำTien ที่มีกระแสน้ำและคลื่นลมซัด พาให้เรือท่องเที่ยวพาทุกคนค่อยๆไปยังดินแดนแห่งดงมะพร้าว

ในขณะที่เรือเคลื่อนที่ไปทางทะเลด้านตะวันออกนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของเมืองMy Tho(หมี ทอ)ทางด้านซ้ายมือ ลมทะเลสงบลงทันทีที่เรือเลี้ยวขวาเข้าสู่คลอง Xep ผ่านดงต้นไทรสองข้างทาง ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงกิ่งที่เรี่ยรายบางส่วนติดกับผิวน้ำ คลื่นเรือที่กระทบทำให้ดอกของมันปลิวไปตามลม


จนกระทั่งเรือมาเทียบท่าที่ Quoi An Eco-Tourist อำเภอChauThanh จังหวัดBen Tre นักท่องเที่ยวต้องเดินไปตามดงต้นลางสาดตลอดแนวถนน หลังจากเที่ยวชมผลไม้ ก็แวะเข้าบ้านรับรองที่Quoi An

นางTran Thi Thu อายุ 40ปีกล่าวว่าเธอเคยเป็นไกด์ท่องเที่ยวกว่า20ปี เมื่อสองปีที่ผ่านมาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวกว่า 2,000 ตร.ม. ที่Quoi An มีชื่อเสียงเรื่องบ้านไม้มะพร้าวซึ่งเป็นความภูมิใจของคนBen Tre(เบ่น แจ๋) ไม่ว่าจะหลังคาที่มุงด้วยทางมะพร้าว ผนังพื้น ประตูหน้าต่างล้วนใช้ทำมาจากไม้มะพร้าว ฐานรองรับบ้านก็มาจากต้นมะพร้าว ที่ดูสะดุดตาก็เป็นรางระบายน้ำที่ทำจากแผ่นไม้มะพร้าว งานไม้มะพร้าวเฟอร์นิเจอร์ล้วนทำจากช่างไม้ฝีมือ

ร้านขายของที่ระลึกที่Quoi Anเป็นทรงแปดเหลี่ยมสินค้าบริการมากมายที่ทำจากมะพร้าว มีโรงงานผลิตของที่ระลึกพื้นที่กว่า 100 ตร.ม. 8 เครื่องจักร 6 ช่างไม้ งานไม้มะพร้าวที่ทำได้มีกว่า 200 แบบ ผลิตจากต้นมะพร้าว40ต้นอายุกว่า 30ปีซึ่งจะถูกจัดแสดงให้ชมได้ที่ nha bat dan(หย่า บัด ด่าน=พิพิธภัณฑ์) เป็นเรือนไม้ทำจากมะพร้าวเช่นเดียวกัน ใกล้กันก็จะมีบ้านลักษณะเดียวกัน โดยการเลือกใช้ไม้นั้นต้องอายุกว่า30ปีลำต้นตรงมีตำหนิน้อย

มีคนงานสองคนทำงานที่ห้องแสดงเย็บปักถักร้อย Nguyen Thi Mai เธออายุ 20 ปี รายได้ 600,000 ด่อง(1,556 บาท) แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็พอเพียงกับชีวิตบ้านนอก ชิ้นงานที่ขายราคาก็แล้วแต่ชนิด อย่างผ้าทอมือ 1.7 ม.x3.0 ม. ราคา 1.500.000 ด่อง(2,890 บาท) งานเย็บปักรูป ชิ้นละ 300.000 ด่อง(578 บาท) เสื้อปักลายมังกร ตัวละ 90.000 ด่อง(173 บาท) ผ้าเช็ดหน้าผืนละ 20.000-45.000ด่อง(39-87 บาท) กระเป๋าปักลายใบละ 60.000-250.000ด่อง(118-482 บาท)

เรือนใหญ่มีบริการเครื่องดื่มเป็นที่น่าดึงดูดใจของชาวยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี กินผลไม้สด ดื่มชาน้ำผึ้งไม่ว่าจะเป็นแบบร้อน เย็น ผสมมะนาวหรือมะพร้าว ตามที่ชื่นชอบ

ผึ้งจะเก็บน้ำหวานตามสวนลางสาด แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ใช่ฤดูดอกลางสาด แต่มีผลไม้อื่นที่ออกดอกให้มันเก็บเกี่ยวมากมาย สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องนำติดมือกลับเสมออย่างงานไม้ฝีมือ น้ำผึ้ง งานปักเย็บ

คุณ Thu กล่าวว่าช่วงที่นอกฤดูท่องเที่ยว ที่Quoi An จะมีคนมาเที่ยว กว่า 100คนต่อวัน ช่วงเปิดฤดู ก็รับคนมาเที่ยวจนแทบไม่ไหว จนต้องเพิ่มอาคารบริการเครื่องดื่ม คนต่างชาติต่างชื่นชอบความเงียบสงบที่นี่มาก จนเราคงต้องสร้างบ้านพัก และส่วนรองรับอื่นๆเพิ่มขึ้น
ที่มา:The Saigon Times Weekly

Friday, July 13, 2007

Retail Shop

ตอนเราทำงานอยู่ที่นิคม VSIP บิงยืงห์ ผมและพี่พัฒน์ผู้จัดการ เราพักที่โรงแรมเฟืองนำ เราค่อนข้างเที่ยวกันไม่บ่อย ดังนั้น หลังเลิกงานประมาณช่วงสามสี่ทุ่ม บางครั้งก็เที่ยงคืน พวกเราชอบหาอะไรทานกันระหว่างทางอย่าง ก๋วยเตี๋ยวญวน อาทิเช่น เฝ๋อ, หู ติ้ว ส่วน ต้มยำที่ใส่เส้นขนมจีน เขาจะเรียกว่า บุ้น ริว อย่างที่ใส่เนื้อปู จะเรียกว่า บุ้น ริว กัว ส่วนมาก ขายกันตอนเช้า เท่านั้น เพราะ ช่วงเช้านั้น เส้นขนมจีนกำลังทำมาใหม่ๆ รสชาดอร่อย ส่วนผสมก็มีสองส่วนคือเส้นขนมจีนกับน้ำซุปอันประกอบไปด้วย หมูยอ เต้าหู้ทอด เลือดก้อน มะเขือเทศ เนื้อปู ใส่กินกับผักสดอย่างถั่วงอก ใบยี่หร่า ผักบุ้งฝานฝอยฝอย ผักอื่นๆและต้องใส่กับน้ำกะปิลงไปด้วย บางคนชอบเผ็ดก็ใส่น้ำส้มลงไป และพริกน้ำมัน เพิ่มความเป็นไทยของผมเอง ฮ่า... เท่าที่สังเกต บางคนจะจิ้มเต้าหู้กับน้ำกะปิ ถ้าทานกับข้าวคนเวียตนามจะมีมะเขือดองเปรี้ยวจิ้มทานกับน้ำกะปิ ส่วนบางที่อย่างทานกับ หู ติ้ว(เส้นแป้งมันกับข้าวเจ้า)จะใส่กระเทียมโทนดอง พริกซอย ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลืองดำ ตะไคร้ซอยคลุกพริกน้ำมัน สุดแต่จะปรุงแต่ที่น่าสังเกตคือซุปจะมีการใส่ผักชีลาวซอยลงไป ผักก็สาระพัดอย่างจำไม่ค่อยได้แล้ว

เล่ามานานไม่ถึงเรื่องร้านขายปลีกซะแล้ว เอาเป็นว่าเดิมเราขอให้เพื่อนชื่อฟี ช่วยซื้อของที่ร้านโชว์ห่วยใกล้โรงแรมเพราะเราพูดภาษาเวียตนามไม่ได้ ซึ่งบางครั้งเขารีบกลับบ้าน ทำให้ผมต้องไปซื้อกันเอง เอาล่ะ มาถึงตอนนี้ ผมต้องมั่วภาษาเวียตนามงูงูปลาปลา ต้องคิดราคาแปลงกลับไปมา ตอนนั้นค่าเงิน 400ด่องก็ 1 บาท(ตอนนี้ค่าเงินเราแข็งคงสูงกว่า)คิดในใจว่า 4000=10 บาท 10.000=25บาท ต้องคิดให้ไวตัดศูนย์สามตัวหลังทิ้งจะคิดได้ไวขึ้น คนขายถามเราว่า เหง่ย นึก หน่าว...เราก็ตอบไปว่า เหง่ย ไท้ แลน...แต่เขาก็ฟังไปว่า เหง่ย ไท้ ลอง(คนไต้หวัน)ซึ่งเราก็ตอบว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อสามสี่ปีก่อน คนไทยไปที่นั่นน้อยมาก จึงยากที่เขาจะทราบ ร้านพวกนี้เราเรียกว่า หย่า ซิว ถิ ...ผิดกับร้านขายข้าว จะเรียกว่า เตี่ยม อัง... เจ้าของร้านขายของก็ดีครับ เท่าที่ขายเราราคาก็พอพอกับบ้านเรา(จะว่าไป ควรจะถูกกว่านะ แสดงว่าแพง ต้นทุนถูกแต่แพงภาษี) เมื่อเทียบราคาตามห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองอย่างCoopMart ก็ใกล้เคียง เขาช่วยจดราคาสินค้าให้เราเพื่อแสดงความจริงใจ เพราะเราสามารถตรวจกับราคาที่อื่นได้ เราก็รู้สึดดีไม่น้อยและประทับใจ ก่อนเรากลับบ้านก็ได้แวะซื้อบุหรี่ยี่ห้อBatos(เบส ต๊อด)สไตล์ฝรั่งเศส ราคากรรมกร ราคากล่องละ 25.000 ด่อง(63บาท ซองละ7บาท) ผมเคยซื้อไปฝากพี่ชายหนึ่งครั้ง


ร้านที่เราซื้ออยู่ถัดจากโรงงานNumber One โรงงานเป็นรูปขวด ติดกับด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของผมทีเดียว รองจาก ก่าเฟเสือด๊า(กาแฟยกล้อ) สีสันเหลืองรสชาดอย่างเครื่องดื่มกระทิงแดงบ้านเรา เดิมนั้นผมก็เข้าใจผิดมาครั้งหนึ่งตอนมาถึงเวียตนาม เพราะคนที่มานั่งร้านก่าเฟ(ขายเครื่องดื่ม นั่งดูหนัง ฟังเพลง) ดื่มเครื่องดื่มสีเหลืองจนคิดว่าดื่มเบียร์แต่กลับว่าไม่ใช่ กลับกลายเป็นชา หรือเจ้าเครื่องดื่มNumber One แทน ฮ่า...ของที่เราซื้อก็ส่วนมากจะเป็นนมเปรี้ยว(เสือ จัว) ขนมปังKinh Do(กิน โด้) เครื่องดื่มนึก หง๊อด(น้ำหวาน) อย่างเป๊บซี่ ส่วนโค้กไม่ค่อยเห็น และเครื่องดื่ม นึกเอี๊ยง(รังนกน้ำเชื่อม) ซึ่งดื่มชื่นใจแก้แฮ้งค์ได้ดี เครื่องดื่มNumberOne น้ำหวานเชื่อมว่านหางจระเข้ น้ำเก๊กฮวยกระป๋อง น้ำดื่มซาสี่(กลิ่นคล้ายยาประจำเดือนเบนโล) สุดท้ายก็เป็นน้ำส้มคั้นกระป๋อง(นึก กาม แอ๊ป)ผมชอบยี่ห้อTwister เป็นน้ำส้มคั้นมีกาก ช่วงที่มาทำงานเมื่อปีที่แล้วเครื่องดื่มจันไย(น้ำส้มกะทกรก) อันนี้รสชาดดีเช่นกัน ยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ประเทศเขาเยอะมาก ที่เราตุนเครื่องดื่มไว้เพราะราคาเครื่องดื่มของโรงแรมชาร์ทเราแพงสองเท่าจากข้างนอก แต่ถึงอย่างไรเจ้าของก็ใจดีเขาชื่อคุณThong(ทอม) อำนวยความสะดวก ช่วยเราไล่ผู้หญิง(หากิน)และตามคนที่ขโมยตังค์ผมด้วย ขอบคุณมากครับ

Thursday, July 5, 2007

Thanh Hóa City On Demand Part II

เมืองทันฮว้า เป็นเมืองขนาดใหญ่ในภาคกลางของเวียตนาม อันประกอบไปด้วยภูมิทัศน์สามลักษณะอันได้แก่ ภูเขา พื้นราบ และ เนินเขา มีชายหาดยาวกว่า 102 กม.เป็นชุมชนโบราณของชาวเวียต และยังมีวัฒนธรรม Đông Sơn(ดอมเซิง) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ยังมีหาดทราย Sầm Sơn =ซั่ม เซิง ที่เคยเล่าไว้แล้ว เกาะTrong Mai =ซอม มาย ,วิหารDoc Cuoc,เนินเขาCo Tien และป้อมค่ายทหารสมัยราชวงศ์ห่อ Hồ(Thành Nhà Hồ=ทั่น หย่า ห่อ)ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1397 ในบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง และโครงการทางการทหารบางอย่าง.ค่ายทหารโบราณในเวียตนามส่วนมากอย่างค่ายHoa Lư(ฮวา ลู) และ Cổ Loa(โก๋ ลัว) เป็นป้อมค่ายที่ถูกสร้างด้วยด้วยดินเหนียว ส่วนค่ายทหารของราชวงศ์ห่อ ซึ่งถูกใช้งานตั้งแต่ปี 1397-1407 นับกว่าสิบปี กลับถูกสร้างด้วยหินแกรนิตอย่างแข็งแกร่งด้วยวิธีการอันฉลาดและสร้างสรรค์ของคนโบราณเมื่อกว่าหกศตวรรษที่แล้ว ซึ่งวิธีการสร้างนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาจวบจนทุกวันนี้


ส่วนอีกสถานที่หนึ่งที่อดกล่าวถึงไม่ได้ก็คือ วิหาร บ่า จิ่ว Bà Triệu (=ท่านผู้หญิงจิ่ว) ซึ่งตั้งอยู่ตีนเขาตุ่มTùng เขตคอมมูนจิ่ว ล่อบ Triệu Lộc โดยสถานที่แห่งนี้เดิมเป็นที่ตั้งของกองกบฎก่อจราจลของท่านผู้หญิงโดยท่านมีชื่อเดิมว่าจิ่ว ถิ จินTriệu Thị Trinh ท่านเป็นวีรสตรีแห่งชาติ โดยการเป็นผู้นำในการต่อต้านการรุกรานของเวียตนามเหนือในศตวรรษที่สาม โดยทุกปีที่วิหารจะจัดพิธีรำลึกถึงท่านในวันที่ 21 ตามปฏิทินจันทรคติหลังตรุษจีนไปสองเดือน น่าจะช่วงไหว้เทศกาลพระจันทร์นะ ประชาชนที่มาร่วมพิธีส่วนมากจะยังคงรำลึกถึงคำกล่าวของท่านผู้หญิงที่ว่า " ฉันอยากจะวิ่งฝ่ากระแสลมที่พัดโหมกระหน่ำ แล่นเรือฝ่าคลื่นที่โหมกระหน่ำ ขับไล่อริราชศัตรูออกจากประเทศ และจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาดหากต้องตกเป็นทาสของพวกมัน"


แม่น้ำหมาMã เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้ชายหาดมากที่สุด โดยไหลผ่านเขาสูงรูปร่างคล้ายหัวมังกร(หั่ม หร่อม)Hàm Rồng โดยยังเป็นชื่อของสะพานที่นั่นอีกด้วย เมื่อต้นศตวรรษที่ยี่สิบ วิศวกรชาวฝรั่งเศส พยายามที่จะสร้างสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำหมา โดยได้แล้วเสร็จในปี 1905 แต่เป็นแค่สะพานขึงเท่านั้น และได้ถูกทำลายในช่วงสงครามต่อต้านฝรั่งเศส เมื่อสันติภาพกลับมาอีกครั้งในปี 1954 วิศวกรชาวเวียตนามได้ทำการสร้างสะพานเหล็กดังกล่าวต่อ โดยสะพานหั่มหร่อม นี้ได้แล้วเสร็จในวันที่ 19 พฤษภาคม 1964 ต่อมาได้รับความเสียหายจากการโจมตีตัดกำลังเวียตนามเหนือโดยสหรัฐในสมัยสงครามเวียตนาม

Wednesday, June 27, 2007

Thanh Hóa City On Demand Part I


Thanh Hóa ทัน ฮว้า เป็นหัวเมืองจังหวัดแห่งหนึ่งของเวียตนาม โดยมีประชากรเกือบสองแสน บนพื้นที่เพียง 57.9 ตร.กม. เมืองนี้อยู่ทางตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำแดง(Song Hong=ซอม ฮอง) มีแม่น้ำมา(Ma) และแม่น้ำจู(Chu) โดยห่างจากกรุงฮานอยเพียง 137 กม.ผ่านทางถนนและรถไฟ และได้พิจารณาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษศูนย์กลางอุตสาหกรรม โดยมากจะเป็นแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ไม้แปรรูป และอาหารทะเล ซึ่งก็คล้ายนิคมอุตสาหกรรมที่เมืองชลบุรีบ้านเรา ส่วนสถานที่สำคัญที่ขึ้นชื่อก็คือ
1.รีสอร์ทชายทะเล Sam Son(แซม เซิง) ที่สวยงามขึ้นชื่อมาตั้งแต่ คศ.1906 สมัยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสแล้ว โดยพึ่งฉลองครบร้อยปีไปเมื่อไม่นาน (http://thanhhoatourism.com.vn/) โดยมีนักท่องเที่ยวมาแต่ละปีไม่ต่ำกว่าห้าแสนคน ดังนั้นรัฐบาลท้องถิ่นจึงได้ทำการลงทุนกว่าหลายแสนเหรียญพัฒนาสาธาณูปโภคพื้นฐานไฟฟ้า ประปา ถนน อาคารต่างๆ ศูนย์การท่องเที่ยว และการอบรมผู้ให้บริการต่างๆ รวมทั้งซิกโลขับสามล้อ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังมีที่อื่นๆอย่าง เนินเขาTruong Le เกาะTrong Mai แหล่งศึกษานิเวศน์วิทยา Quang Cu แต่ปัจจุบัน Sam Son เป็นเขตพื้นที่มีผู้ติดเชื้อHIV AIDS(=สีดา) สูงมาก ขอให้ระมัดระวังสำหรับนักเที่ยวกลางคืน
2.พิพิธภัณฑ์ทางโบราณHoang Long
3.โบสถ์คาทอลิคหลังใหญ่ ที่เป็นรูปแบบ Immaculate Conception คือบูชาและนับถือพระแม่มารีย์โดยเฉพาะ อย่างบางท่านที่เคยไปเมืองโฮจิมินห์หน้าโบสถ์ก็จะมีรูปปั้นพระแม่มารีย์เช่นกัน คงจะรูปแบบเดียวกัน
4.อุทยานแห่งชาติBenen
5.ถ้ำหินงอกหินย้อยNgason
เมืองนี้มีประวัติที่มาและรายละเอียดยาวน่าสนใจ ลองไปฝึกอ่านข้อมูลของเมืองนี้ เป็นภาษาเวียตนามที่ http://vi.wikipedia.org/wiki/Thanh_Ho%C3%A1

Thursday, May 17, 2007

Vietnam Road

เมื่อครั้งแรกที่ลงจากเครื่อง ผมสังเกตว่าที่นี่ใช้แตรกันสิ้นเปลืองมากมาก บีบแตรกันตลอดทาง จนผมต้องถามเพื่อนเวียตว่าเขาไม่โกรธกันรึอย่างไร ถ้าเป็นบ้านเราคงได้ยิงกันตายแน่ๆ หรือไม่ก็ด่ากันต่อยกัน ก็มี เพื่อนว่าเป็นเรื่องปกติเพราะถนนแคบรถมอเตอร์ไซค์เยอะทุกคนต้องบีบแตรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ(แต่ผมว่าน่ารำคาญมากกว่า ฮ่า...) เพราะบางครั้งแค่มือจับรถเกี่ยวกัน รถล้มก็มีให้เห็นทั่วไป ระบบผังเมืองของเวียตนามถนนถี่เป็นตาหมากรุก บางจุดมีถนนหลายเส้นมาตัดกันเรียกว่า ngả(=หงา=ทางแยก) มีตั้งแต่ หงาบา(สามแยก) หงาตือ(สี่แยก) หงา-นำ(ห้าแยก) หงาเซ้า(หกแยก) ส่วนหงาไบ๋(เจ็ดแยก) ยังไม่เคยเจอ ทุกทุกหงาก็จะมีวงเวียนเอาไว้ขับจะวนซ้ายทวนเข็มนาฬิกาตรงกันข้ามกับบ้านเรา

ข้อดีของเจ้าวงเวียนก็คือไม่ต้องติดตั้งไฟแดง(đèn đỏ =แดง ด๋อ) ตรงวงเวียนก็จะมีรูปปั้นรูปแกะสลัก สัญลักษณ์ต่างๆ หอนาฬิกา(วงเวียนห่างเซิน) หน้าโรงพยาบาลก็งดบีบแตร ห้ามสามล้อ ห้ามกลับรถ...ป้ายห้ามต่างๆก็คล้ายๆบ้านเรา วินมอเตอร์ไซต์(=แซ โอม) ไม่ต้องใส่เสื้อวินเหมือนบ้านเรา พบได้ทั่วไปราคาแล้วแต่ต่อรองครับ เคยนั่งจากเขตสามไปแถวต.ไล้ทิว จ.บินห์ยืง เพียง 20.000 ด่อง(ห้าสิบบาท)เมื่อปี 2003 ตอนนี้คงไม่ได้แล้วหล่ะเพราะน้ำมันแพงขึ้น ถ้าเป็นในเมืองตามตลาดก็มี xích lo(ซิก โล=สามล้อ)ซึ่งผมเรียกว่าเป็นรถบรรทุกเวียตนามเพราะขนของได้เยอะมากชนิดรถกะบะต้องชิดซ้ายเลย แต่เพื่อนว่าพวกนี้ไม่ค่อยกลัวตำรวจขนของดูแล้วอันตรายซึ่งทำให้เกิดการชนอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง

ผมเคยไปที่ศูนย์ขนส่งในเมือง (Bến xe=เบ๊น แซ) ซึ่งก็มีหลายจุดด้วยกันขึ้นว่าเราจะเดินทางไปภาคไหน อย่างไปทางตะวันออกไปเที่ยว ด่าลัด เที่ยวหมุยแน๊ ฟานทิ๊ก อย่างคุณวิทไป ด่าหนัง ฮานอย(ไปฮานอยโดยรถไฟน่าจะประหยัดดีกว่า) ก็ไปที่ก็ต้องไปที่ศูนย์ขนส่งตะวันออก Bến xe miền đông (เบ๊นแซเหมี่ยงดอม) ไปเที่ยวตะวันตกอย่าง จ.หมีทอ เขตวินลอม(สะพานขึงหมีถวน สวยมาก) จ.กั่นเทอ แถวลุ่มน้ำโขง...ก็ไปขึ้นที่ Bến xe miền tây (เบ๊นแซเหมี่ยงไต) แต่ถ้าจะไปเขมรผ่านเขตฮุกโมน จ.ลองอัน ไปเที่ยวนครใต้ดินกู๋จี ที่เวียตกงเอาชนะอเมริกา ผ่านจ.ไตนินห์ ถึงMoc Bai(หมอก บ่าย) ก็ติดเขมรเลยโดยมากมีแต่พวกไปเล่นคาสิโน ก็ต้องไปที่ศูนย์An Soung(อัน เซิง) หรือจะนั่งยาวไปเขมรก็มีรถบัสและรถตู้บริการ นั่งจากตลาดBenh Thanh(เจอะ เบิ่น ถัน) หลักกิโลที่นั่นก็หน้าตาแปลกดี ส่วนบนทาสีแดงบอกว่าจุดที่เราอยู่ห่างจากฮานอยกี่กิโลเมตร จากรูปบอกแค่ระยะห่างจากเมืองสำคัญกับเมืองฮานอยเท่านั้น ห่างจากโฮจิมินห์ 179 กม. รวมระยะทางจากโฮจิมินห์ไปฮานอย 1900 กม. การบอกสถานที่ระยะทางไม่เหมือนบ้านเราที่บอกทุกอำเภอและจังหวัดเลย ป้ายบอกระยะทางก็มีน้อย หรือบอกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็ไม่มี การเดินทางออกนอกเมืองต้องเสียค่าผ่านด่านเว้นมอเตอร์ไซต์ไม่ต้องจ่าย