Dict Vietnam Onlines

Dict Vietnam Onlines
Google

See Vietnam

Loading...

หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Entertainment (4) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (11) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Monday, August 18, 2008

Football Thai Player in Vietnam I

เมื่อพูดถึงฟุตบอลในเวียตนาม ทำให้ผมเห็นภาพนักเตะคนหนึ่งคือคุณซิโก้ หรือเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองที่เข้าไปเล่นฟุตบอลในเวียตนาม ผมจำได้ว่าเมื่อครั้งเดินทางมาเวียตนามเมื่อปี 2003 สิ่งที่ผมเห็นก็คือรูปโฆษณาเครื่องดื่มกระทิงแดงขนาดใหญ่หน้าทางออกสนามบินตันเซิงยึก โดยมีพรีเซ็นเตอร์เป็นคุณซิโก้ ทำให้ผมอดปลาบปลื้มไม่ได้ที่ได้เห็นคนไทยเป็นที่ชื่นชมของคนเวียตนาม คิดว่าการเดินทางมาทำงานครั้งนี้คงมีสิ่งดีดีแน่ ต่อมาปี 2004 ก่อนจะบินกลับมาไทยตอนอยู่ที่ห้องพักรอสนามบินตันเซิงยึก ก็ได้พบเห็นคุณซิโก้ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก มีบางคนเข้ามาทักทายคุณซิโก้แต่เขาก็ไม่ได้คุยอะไรมาก สโมสรที่คุณซิโก้เล่นอยู่ในตอนนั้น คือสโมสรฟุตบอล Hoàng Anh Gia Lai(ห่วง อัน ยา ลาย) หรืออีกชื่อเรียกว่า Đội lạc bộ bóng đá Gia Lai(โด่ย หลัก บ่อ บ๊อม ด๊า ยา ลาย) ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2002 โดยมีเจ้าของบริษัทHoàng Anh เป็นผู้ริเริ่ม โดยนำชื่อของบริษัทและเมืองยาลายมารวมกัน จนกลายมาเป็นชื่อของสโมสร ปัจจุบันทางสโมสรได้จับมือกับทีมสโมสรอาเซนอลของอังกฤษ เปิดโรงเรียนสอนการเล่นฟุตบอลที่เมืองPleiku ถือเป็นการร่วมกันลงทุนทางธุรกิจที่ทางอาเซนอลมีในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ 50 Nguyễn Thiện Thuật, TP. Pleiku,tỉnh Gia Lai, Việt Nam แฟกส์: 059-828373 โทร: 059-875539 มีสนามประจำสโมสรอยู่ที่Pleiku(ไปล กู) จุจำนวนผู้ชมได้ 15,000 ที่นั่ง มีโรงฝึกที่Hàm Rồng เมืองPleiku ประกอบไปด้วยสองสนาม 40 ห้องนอน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และสนามเทนนิสอีกด้วย ประธานสโมสรคือĐoàn Nguyên Đức ประธานฝ่ายคือ Huỳnh Ngọc Định ผู้จัดการคือ Nguyễn Văn Vinh ทีมนั้นเล่นอยู่ในระดับV-League ผลงานที่ผ่านมาเป็นแชมป์ V-league และSuperCup ปี2003 2004 มีโอกาสเข้าร่วมฟุตบอลสโมสรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี2004 และเข้าร่วมฟุตบอลสโมสรเอเชียปี2005 ส่วนนโบายและเป้าหมายคือแชมป์ในระดับภูมิภาคกับเอเชียภายใน ปี2009และปี2010 สัญลักษณ์ทีมเริ่มแรกปี2002เป็นภูเขาพระอาทิตย์มีล้อเฟืองด้านล่างแต่ปี2006มีการเพิ่มดาวแดงสองดวงด้านบนสัญลักษณ์ได้ใช้มาจนปัจจุบัน มีชุดผู้เล่นทีมเหย้าเป็นเสื้อและถุงเท้าแดงส่วนแขนและกางเกงขาว ส่วนชุดเยือนเป็นเสื้อขาวแขนแดงกางเกงถุงเท้าขาว จำนวนนักเตะที่สังกัดในทีม ปี2008 นี้ มีจำนวน 31 คนในจำนวนนั้นเป็นต่างชาติ 5 คน สองในห้าเป็นคนไทยคือคุณศักดา แจ่มดี และคุณดัสกร ทองเหลา ในอดีตเคยมีนักเตะบ้านเราที่เคยเล่นร่วมเล่นในทีมนี้ คือคุณดุสิต เฉลิมแสง คุณตะวัน ศรีปาน ซึ่งเป็นผู้เล่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันกับคุณซิโก้ ส่วนคนไทยที่เคยเป็นโค้ชให้กับทีมนี้ ท่านแรกเริ่มก็คือคุณอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ถัดมาเป็นคนเวียตงามชื่อHuỳnh Văn Ảnh แล้วคุณอาจหาญก็กลับมาเป็นโค้ชอีกครั้งในเดือน พฤศจิกายน 2005 ถึง กุมภาพันธ์ 2006 ต่อจากนั้นคุณซิโก้ก็รับช่วงต่อจนถึง 14 ตุลาคม 2006 ต่อมาก็คุณชัชชัย พหลแพทย์ เป็นโค้ชต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม2007 จวบจนปัจจุบันนี้ ปี 2008 ก็เป็นคุณอนันต์ อมรเกียรติ ซึ่งนับว่าคนไทยเราค่อนข้างได้รับเกียรติเป็นอย่างดี ผมคิดว่าคนรุ่นแรกที่ไปนั้น คงสร้างสมสิ่งดีดีไว้เยอะ จะเป็นอย่างไรนั้นคงเอาไว้เล่าต่อคราวหน้านะครับ ที่มา:en.wikipedis.org

Friday, August 15, 2008

Famous Food I

ไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัททำให้นึกถึงอาหารเวียตนามหลายอย่างด้วยกัน แต่ที่ขึ้นชื่อ และที่เคยเห็นและได้ยินมา เท่าที่พอจำได้ก็พอมีดังนี้ 1.Bò 7 Món(บ่อ ไบ๋ โม้น) หรืออาหารชุดโต๊ะจีนเจ็ดอย่างปรุงจากเนื้อวัว นิยมเสริฟกินกันในงานแต่งงานโดยดัดแปลงมาจาก Cá 7 Món ซึ่งเป็นอาหารชุดที่ปรุงมาจากปลา อาหารเหล่านี้เป็นที่นิยมจัดทำกันมาก ผมเข้าใจว่าคงเป็นอย่างโต๊ะจีนบ้านเรา ท่านที่เคยไปงานแต่งที่เวียตนามก็คงพบเห็นบ่อยๆอาหารก็คล้ายกันไม่แตกต่าง 2.Phở (เฝ๋อ)ก๊วยเตี๋ยวญวน เส้นทำจากข้าว อันนี้คงเป็นที่ทราบกันแล้วคงไม่ต้องบรรยายมาก อาทิ Phở bò(เฝ๋อ บ่อ)ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ อันนี้หากินง่าย เท่าที่สังเกตจะนิยมกินกันตอนเช้า เที่ยงก็ทานข้าวปกติ อย่างขนมปังบั๊นหมี่ก็นิยมตอนเช้าเช่นกัน เครื่องปรุงที่ต่างจากก๊วยเตี๋ยวก็คงเป็นการใส่น้ำกะปิ(ม้ำโตม) น้ำกระเทียมดอง(ต๋อย) น้ำมันเจียวตะไคร้(สา) ซอสถั่วสีดำอย่างกับถั่วเน่า อยากเผ็ดก็สั่งเอิ๊ดบับ(พริกสับ)เอง หรือเติงเอิ๊ด(ซอสพริก)ก็แก้ขัดได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังในการกินกับผักบางอย่างซึ่งบางคนไม่ชอบเช่นผักไผ่ ผักแพ้ว ตัวสำคัญก็คือเจ้า rau đắng(เรา ดั๊ง)ซึ่งต้นคล้ายคุณนายตื่นสายขมมาก บางคนใส่ไปแบบไม่รู้ ไม่คุ้นรส(เช่นผมเป็นต้น ฮ่า...)ดูที่รูปเอาเองนะครับ 3.Bánh bao(บั๊น บาว) สิ่งนี้หรือคือ ซาลาเปา นั่นเอง ครับ ผมเคยซื้อกินบ่อยที่ไซง่อน แม้ว่าตอนที่ผมทำงานที่นั่นจะหาข้าวต้มกินหลังเที่ยวกลางคืนยาก หรือไม่มี ก็ได้เจ้านี่ช่วยไว้เยอะ ซื้อบ่อยก็ตรงใกล้ๆวงเวียนห่างซันเส้นทางจะออกไปสะพานบิ่นจิ๋ว อร่อยดีใส่เนื้อเยอะด้วย(แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าเนื้ออะไร ฮ่า...)ราคาก็ลูกละสิบบาทตอนนั้น อันที่จริงแล้วกลุ่มกินเจ(=เหง่ย อัง ใจ)และพระที่นั่นจะนิยมกินกันมากกว่า 4.Bánh chưng(บั๊น จึง) คล้าย บ๊ะจ่างของจีนครับ ห่อข้าวเหนียวใบตองเป็นทรงสี่เหลี่ยมกว้างยาวคืบใส่ถั่วเหลืองถั่วดำแดงมันหมูรองด้านล่างแล้วนึ่ง นิยมในงานปรเพณีปีใหม่(Tet) ทางปักษ์ใต้จะเรียกว่า Bánh Tet(บั๊น เต้ด) แต่ก็เข้าใจตรงกัน กินกับกิมจิอร่อยมาก แต่แคลอรี่สูงไปหน่อย กินแล้วหมับ(=อ้วน) 5.Bánh mì kẹp thịt(บั๊น หมี่ เก็บ ถิด) หรือแซนวิชเนื้อ นั่นเอง ตามอย่างฝรั่งเศสใส่ทุกอย่างคล้ายกัน เนย(=เบอ) ชีส แฮม บางที่ใส่เนื้อปูสับ เนื้อวัวบดทำคล้ายอย่างเนยแต่เค็มโครตเลยคงเหมาะกับการกินขนมปัง พริก น้ำส้มปรุงตามใจสั่ง ชี้สั่งไปเถอะครับ เป็นอาหารที่หากินง่ายพบได้ตอนเช้า และเย็น ใส่หาบคอนขายหรือใส่หาบผูกรถจักรยานมา ทานช่วงเช้าจะดี เพื่อนบางคนแบ่งสองส่วนกินเช้าต่อเที่ยงประหยัดจริงจริง ตอนนั้นปี 2546 ราคาถูกมากแค่ หมก เหง่หมก อ๋อ(สาม บาท หนึ่ง ชิ้น) คนงานโรงงาน เด็กนักเรียน หรือกรรมกร อย่างผมชอบมากๆ จะว่าไปเจ้าบั๊นหมี่เองก็มีการปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายแบบด้วยกัน แต่ที่นิยมกันมากมีดังนี้ -Banh mi xiu mai(บั๊นหมี่ ซิว หมาย=ใส่ลูกชิ้นใหญ่) -Banh mi xa xiu(บั๊นหมี่ ซา ซิว=ใส่หมูแผ่นบาบีคิว) -Banh mi ธรรมดา อุ่นร้อนๆ จิ้มกินกับไข่ดาวทอดพอสุกดิบโรยพริกไทยใส่ซอสถั่วเหลือง(=นึก เติง) กินตอนเช้าจะอร่อยมากเรียกว่าบั๊นหมี่ อ๊อฟ ลา หรือจะจิ้มกับเนย(=เบอ)ก็อร่อยไปอีกแบบ ถ้ากินกับปลากระป๋อง(=ก๊า ลอง) ผมจะเรียกว่าบั๊นหมี่ก๊าลอง ยังมีอาหารอีกหลายอย่างคงไว้เล่าคราวหน้าวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ ที่มา:EN.WIKIPEDIA.COM

Wednesday, August 13, 2008

Black Box Thai Game Show

เปิดดูรายการทีวีฮานอย เจออยู่รายการหนึ่งเป็นเกมโชว์ดูคุ้น รายการกล่องดำ ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล แต่ทางเวียตนามชื่อรายการHộp đen(หอบ แดน) แปลว่ากล่องดำเนื้อหาเช่นเดียวกับรายการที่บ้านเรา กล่าวคือเกมโชว์ที่รวบรวมเอาสิ่งของสำคัญทุกชิ้นในโลก มาใส่ไว้ในกล่อง พร้อมกับนำเกร็ดความรู้และประวัติที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งของชี้นนั้นมาตั้งเป็นคำถาม เพื่อชิงเงินรางวัล ยิ่งไปกว่านั้นองค์ประกอบที่จะส่งเสริมให้เกมกล่องดำ น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก นั่นก็ คือ ผู้เข้าแข่งขันในเกมนี้จะต้องเป็นคู่สามี ภรรยา ที่จะต้องใช้วิจารณญาณและการตัดสินใจร่วมกันในการเล่นเกม รางวัลที่ทางผู้จัดที่เวียตนามตั้งไว้นั้น มีมูลค่ากว่า 30ล้านด่อง(72,xxx บาท) เมื่อเทียบบ้านเรานั้นเงินรางวัลจะอยู่ที่ 1,000,000 บาท(412ล้านด่อง) นับมูลค่าแล้วมันห่างกันมากนะครับ ผมอ่านจากข่าวเหง่ยลาวด่อม บอกว่าเกมนี้เป็นเกมโชว์สุดยอดเกมระดับเอเชียมากว่าสองปีแล้ว โดยที่ทางฮานอยทีวีได้เริ่มเปิดรายการนี้มาตั้งแต่ 30 กรกฏาคม 2551 ทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 20:00-20:45 น. เป็นต้นมา ที่มา:www.nld.com.vn

Monday, August 11, 2008

Vietnamese Music and Dinner

จำได้เมื่อตอนจบโครงการสร้าง โรงงานHuhtamaki packaging (ของฟินแลนด์) ที่นิคมเวียตนามสิงคโปร์ (VSIP) จ.บินยืงห์ โฮจิมินห์ซิตี้ เราได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ที่ร้านBlue Ginger เลขที่37 ถนน Nam Ky Khoi Nghia เขต 1 เป็นร้านอาหารเวียตนาม แบบที่มีแสดงดนตรีพื้นเมืองภาคกลาง มีหลายอย่างที่ไม่ธรรมดาที่นี่ แต่คงเอาไว้เล่าต่อในคราวหน้า แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่น่าสังเกตคือ เครื่องดนตรีที่เขาเล่น ตัวที่เด่นสะดุดตาและเสียงแปลกประหลาดดี เรียกว่า Đàn bầu(ด่าง บ่าว) คำว่าบ่าวแปลว่า ท้องป่อง เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเวียตนาม ประเภทเครื่องดีดสายเดี่ยว ตามที่ได้จดบันทึกกันนั้นเจ้าเครื่องดีดนี้ถือกำเนิดเมื่อ ปี 1770 แต่ก็มีนักวิชาการประมาณว่า มีอายุยาวนานกว่าพันปี ตามตำนานเล่าว่า มีผู้หญิงตาบอดคนหนึ่ง เล่นมันเพื่อแลกค่าประทังชีวิตเลี้ยงดูครอบครัว ในขณะที่สามีของเธอนั้นกำลังอยู่แนวหน้าสนามรบ ไม่ว่าเรื่องเล่าจะจริงเท็จยังไง เครื่องดนตรีนี้ก็ถือกำเนิดมาและเล่นโดยกลุ่มนักดนตรีวณิพก จวบจนปัจจุบันนี้ เสียงที่นุ่มของมันสอดรับกับเครื่องดนตรีอื่น ด่างบ่าว นิยมเล่นบรรเลงในเพลงพื้นเมืองของภาคกลาง และยังคงความนิยมถึงปัจจุบัน บางเทศกาลยังนำมาบรรเลงประกอบการร้องกาพย์กลอน และยังนำไปบรรเลงในวงดนตรีสากลเอเชียอย่างเพลงป๊อบ เพลงร๊อค ปัจจุบันได้มีการนำท่วงทำนองเสียงสังเคราะห์อย่างด่างบ่าวไปใช้กีต้าร์ไฟฟ้า เพื่อยืดจังหวะเสียงเวลาโซโล ส่วนประกอบของ ด่างบ่าวประกอบด้วยสี่ส่วนคือ ปล้องลำไผ่ ก้านไม้ กะลาครึ่งซีก และเส้นไหม สายจะถูกพาดตามปล้องลำไผ่ผูกไปยังก้านไม้อีกด้านหนึ่งที่มีกะลาติดอยู่ ในมุมฉาก แต่ในปัจจุบันปล้องไผ่ได้ถูกแทนที่ด้วยกระดานไม้อัดเนื้อแผ่นนอกแข็งในอ่อนรวมสามชั้น สายไหมถูกแทนที่ลวดกีต้าร์ คันโยกก้านไม้ยืดเสียงนั้นยังคงเหมือนเดิม แต่ประดับประดามันเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม การจูนปรับเสียงก็ใช้เครื่องปรับเหมือนอย่างเครื่องดนตรีสากล ตรงฐานสายเพิ่มตัวปรับเสียงได้ ปกติจะปรับเสียงลงหนึ่งขั้นจาก Chord C(130.813 Hz) ใครเคยเล่นกีต้าร์ก็ประมาณว่าเล่นคีย์ต่ำนะครับ แต่หากจะปรับไปเล่นคีย์อื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน แม้ว่าการละเล่นด่างบ่าวจะไม่ยากแต่ต้องอาศัยความแม่นอย่างมาก ในการตวัดมือขวาแตะเบา-หนักที่เส้นสายซึ่งถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดจุดเสียง ในขณะที่ต้องใช้อีกนิ้วมือซ้ายดึงรั้งก้านไม้เหมือนอย่างที่เห็นนักกีต้าร์โซโลดึงคันชักโย้โยกไปมาเพื่อลากเสียงยืดยาวสั้น เหมือนอย่างกับดีดพินจีนผสมกีต้าร์โซโล ยังมีเครื่องดนตรีจีนทางใต้อีกอย่าง ที่นับว่าใกล้เคียงกับด่างบ่าวก็คือ duxianqin(หยู เซี่ยง ชิน) ลักษณะคล้ายกันต่างกันแค่วัสดุตัวเครื่องบางอย่างเท่านั้น สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าด่างบ่าวได้ถูกนำเข้าโดยกลุ่มชาวจิ้ง(ชนพื้นเมืองเวียตนาม)ที่อพยพไปจีนเมื่อ 1600 ปีก่อนนั่นเอง ทีนี้ลองมาฟังตัวอย่างเสียงของมันดูนะครับ ที่มา:en.wikipedia.com

Tuesday, August 5, 2008

Hit Hot Song This Week

ช่วงนี้ผมกลับดึกบ่อย(เมา...) พอมีเวลาก็เลยนั่งสำรวจเว็บเพลงก็พบว่า เพลงของนักร้องหน้าใหม่ใสปิ้ง Minh Hằng(มิง หั่ง)ขึ้นTop Chart ของสัปดาห์นี้ที่เวียตนาม เพลงนี้ชื่อว่าNgười Vô Hình(คนไร้ตัวตน) โดยอัลบั้มนี้เป็นชุดแรกของเธอชื่ออัลบั้ม Một Vòng Trái Đất(หนึ่งรอบโลก) มาดูเธอแนะนำตัวเองดีกว่า...
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเล่นว่าคือ bé Heo(หมูน้อย)ค่ะ สังกัดค่ายเพลงHãng Phim Trẻ เกิดที่โฮจิมินห์ซิตี้สูง 1.65 เมตร ดิฉันนับว่าตัวสูงทีเดียว แต่จะว่าไปแล้วนะค่ะ เด็กรุ่นใหม่ที่เวียตนาม เค้าตัวสูงใหญ่กันบ้างแล้ว เพราะเน้นการบริโภคนมตั้งแต่เด็กก็คงคล้ายที่อื่นๆค่ะ ตอนนี้ดิฉันหนัก 50 กก.ค่ะ ชอบเดินห้างช๊อปปิ้ง กินอาหารเหลา(ภัตตาคาร) ดูหนัง มีเพื่อนสนิทแปดคน นิสัยนะค่ะโกรธง่าย หายเร็ว ค่ะ ฮิ...ฮิ ส่วนคนรักที่สุดคือคุณแม่ค่ะ อาหารที่ชอบที่สุดก็คือ ประเภทแกงต่างๆและ เหลาไทยแลน(ต้มยำ) ค่ะ กีฬาสุดโปรดก็มี ว่ายน้ำ โบว์ลิ่ง บิยา(Bida=กีฬาคล้ายสนุกเกอร์แต่โต๊ะไม่มีรูอาศัยนับแต้มตามตำแหน่งหกจุดบนโต๊ะ) ชอบสีขาว ดำ ชมพู เขียว สัตว์ที่ชอบคือลูกหมูค่ะ ชอบแต่งตัวใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ นักร้องที่ชอบ Bi, Boa(...?) ชอบคนที่ใจดี โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความฝันที่อยากเข้าสู่วงการบันเทิง ค่ะ"
ที่นี้มาฟังเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มเป็นเพลงชื่อMột Vòng Trái Đất ซึ่งร้องคู่กับนักร้องชายชื่อTim ยังไงก็เป็นกำลังใจ ขอให้โชคดีนะครับ




ที่มา:Nhacso.net