Dict Vietnam Onlines

Dict Vietnam Onlines
Google

See Vietnam

Loading...

หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Entertainment (4) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (11) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Sunday, November 30, 2008

สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

จะว่าไปแล้วความเชื่อของคนเวียตกับคนไทยก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก ผมจำเมื่อครั้งปี 2550 นั้นเป็นปีที่คนบ้านเราขาดกำลังใจและศรัทธาอย่างรุนแรง จตุคามซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่มีกระแสปลุกเสกกันอย่างกว้างขวางและคลั่งไคล้ แต่ทว่าไม่ถึงปีก็เสื่อมความนิยมลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้ว่า วัตถุมงคลไม่ได้ช่วยอะไรไปมากกว่าความสบายใจแค่ชั่วคราวเท่านั้น วันนี้ผมได้เดินทางร่วมไปกับคณะลูกทัวร์ผู้ที่อาศัยอยู่ลุมพินีนวมินทร์แฮปปี้แลนด์ โครงการเที่ยวเจ็ดวัด(ยือ อ๊าน ไบ๋ จั่ว) ในจังหวัดนครปฐม แต่โปรแกรมสถานที่มีการเปลี่ยนแปลง ที่แรกที่ได้ไปก็คือวัดดอนหวาย เขตอำเภอสามพราน เป็นสถานที่ขึ้นชื่อในหมู่นักชอบปิ้งของกินทั้งนั้น สาวสาวชอบมากเป็นตลาดที่มีมาตั้งแต่รัชกาลที่6 ตามคำบอกเล่าชาวบ้านนั้นเดิมทีสถานที่นี้เดิมเรียกว่าโคกหวายเพราะมีต้นหวายอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2394 โดยสงฆ์(ดอบ ฝัก)สานุศิษย์ของหลวงพ่อโสธรฉะเชิงเทรา เดิมทีเป็นชุมชนเก่าแก่ชาวจีนติดริมแม่น้ำท่าจีน(ซอม ท่า จีน)ซึ่งมีต้นน้ำแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จ.ชัยนาทปลายแม่น้ำออกมหาชัยสมุทรปราการ มีหลายตระกูลอาทิแซ่อึ้ง แซ่เตียว แซ่โง้ว แซ่ลิ้ม ต่อมาได้กลมกลืนเป็นคนไทยไปแล้ว เราค่อนข้างมาเช้าไปหน่อยตลาดพึ่งจะเปิดขาย ส่วนมากเป็นของกิน ส้มโอนครชัยศรี ทับทิม แตงโม(เหยื่อ)น้ำผึ้งเปลือกเขียวเนื้อเหลือง แตงโมไดอาน่าที่ลูกเหลืองเนื้อแดง หนังปลากรายทอดกรอบ และอื่นๆ ของแปลกที่เจออีกก็มี เจอต้นฮว่านหง๊อก คนขายเล่าว่ามีสรรพคุณหลายอย่างจำไม่ได้ บ้านเราเรียกว่าพญาวานร คือลิงไปกินแล้วหายเจ็บป่วยคนเราก็เลยเอาไปกินบ้าง เป็นพืชที่นำมาจากเวียตนามต้นละ50บาทสี่ต้นร้อยบาท ท่าน้ำมีเรือเช่าชั่วโมงชมทัศนีนภาพแม่น้ำ ตอนเหนือแม่น้ำไม่ไกลเป็นที่ประทับรับรองฟ้าหญิงอุบลรัตน์ อากาศวันนี้เย็นดีแดดไม่มีเลย ท่าน้ำก็เต็มไปด้วยปลาสวาย ตัวโตโตแก่แก่(เลิ้ง เลิ้ง หย่า หย่า ) ที่จอดรถเต็มตอนเราออกมา เราไปวัดไร่ขิงต่อซึ่งห่างจากจุดนี้ไปห้ากิโลเมตร ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิงขอพรแล้วสมปรารถนา วัดนี้พื้นที่จอดรถกว้างมากหอระฆังใหญ่มาก คนมากันเยอะมาก โดยจะมากันเป็นครอบครัวไหว้พระขอพร ตรงข้ามอุโบสถเป็นที่ตั้งศพบำเพ็ญ มีวงปี่พาทย์มอญสวยงามมากกำลังบรรเลง ชุมชนนี้มีคนมอญอาศัยอยู่มากตั้งแต่รัชกาลที่1 รัตนโกสินทร์ คงจะเป็นตอนที่ช่วยกู้ชาติตอนเสียกรุงศรีอยุธยา ทราบว่าวัดนี้ก็ก่อตั้งโดยสานุศิษย์อีกรูปหนึ่งของหลวงพ่อโสธรเช่นกัน คงจะก่อตั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกับวัดดอนหวาย เดิมทีตรงนี้เป็นไรป่าขิงจึงเป็นที่มาของชื่อวัด หลวงพ่อวัดไร่ขิงคือพระพุทธรูปปางมารวิชัยคือนั่งขัดสมาสหัตถ์ขวาคว่ำวางที่หน้าแข้ง หันหน้าไปทางแม่น้ำท่าจีน(ทิศเหนือ) ที่นี่ห้ามจุดประทัดดภายในวัด จะมีสถานที่ให้จุดเป็นห้องเก็บเสียงติดตีนสะพาน(เก่า ท่า จีน)แม่น้ำท่าจีนห่างอุโบสถสองร้อยเมตร แปลกดี ต่อไปก็เป็นวัดไผ่ล้อมหลวงพ่อพูล เดิมมีต้นไผ่ล้อมรอบวัด ตามภาษาอินเดียไผ่เรียกว่าเวฬุ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ที่นี่ขึ้นชื่อทางด้านให้หวยแม่น ศพหลวงพ่อพูลไม่เผาแต่ถูกเก็บไว้ในโลงแก้วตามความเชื่อหรือเอาไว้หากินก็ไม่ทราบได้ ฮ่า...แต่ที่นี่มีหลายคนไปซื้อหวย(เว้ โซ้)แล้วถูกก็มี ส่วนที่กำลังมาแรงตอนนี้ก็วัวธนู ให้คุณทางค้าขายร่ำรวย ปัจจุบันทางวัดมีหลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้บริหาร คนก็เยอะมากๆ ไม่ไกลนัก ผมสังเกตเห็นพระปฐมเจดีย์วรมหาวิหาร อยู่ไกลๆ ถามชาวบ้าน เล่าว่ากำลังอยู่ในระหว่างบูรณะเพราะฐานทรุด แต่ก่อนที่เราจะไปนั้น เราจะต้องไปที่พระราชวังสนามจันทร์ซึ่งเป็นวังเก่าของ ร.6 จะเป็นอย่างไรคงไว้เล่าคราวต่อไป

Tuesday, October 7, 2008

แค่ผงเข้าตา

สัปดาห์นี้ เพลงBụi Bay Vào Mắt(แค่ผงเข้าตา) เป็นเพลงที่ฮิตติดอันดับมาเกือบเดือนแล้ว ร้องโดยนักร้องสาวชื่อPhạm Quỳnh Anh อัลบั้มNợ Ai Đó Cả Thế Giới นับเป็นอัลบั้มที่สองแล้ว มาดูประวัติเธอสักนิด เธอเกิดปี 1984 อายุก็ 24 ปีแล้ว เกิดที่เวียตนาม ร้องสไตล์เพลงป๊อบ เป็นอดีตสมาชิกกลุ่มนักร้องวงSắc Màu (Hanoi)และ H.A.T ที่มีชื่อเสียงเคยดูทางทีวีครั้งนึงร้องคล้ายๆน้องโฟร์-มด(ช่วงนี้คลิปหลุดยังอยู่ในการฟ้องร้อง) ในบ้านเรา...ปัจจุบันสังกัดอยู่ค่ายดนตรีThế Giới Giải Trí(ดนตรีสากล) แรกเริ่มเดิมทีเข้าวงการเป็นนักร้องในวงSắc Màu ก่อนจะมาอยู่ในกลุ่มนักร้องสาวH.A.T ตัวA.=Anhเป็นชื่อย่อของเธอ มาร้องเพลงคู่กับตา Ưng Hoàng Phúcอยู่พักนึงก่อนที่จะแยกวงกับH.A.T มาทำอัลบั้มเดี่ยวกับค่ายเพลงThế Giới Giải Trí นับถึงปัจจุบันนี้เธอมีผลงานสองอัลบั้มแล้ว อันแรกชื่อว่า "Hoa Quỳnh Anh... Chung Tình" สองคืออัลบั้ม"Nợ Ai Đó Cả Thế Giới"เท่าที่ฟังดูเพลงนี้ใสดีผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าคิกขุแอบแบ๊วได้หรือเปล่า ถ้าไม่ดูประวัติ ก็คงนึกว่าเอาเด็กน้อยมาร้องเพลง วันก่อนมีเพื่อนไปเที่ยวร้านแถวถนนชัยพฤกษ์ชื่อร้านโรงเตี๊ยมเจอพนักงานสาวที่ร้านส่วนใหญ่เป็นคนเวียตนาม ผมเคยไปอีกที่ชื่อร้านย้อนยุคที่นั่นก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก อีกที่นึงที่เคยมีคนไปชื่อร้านอเมริกันสเต๊กเลยป้อมตำรวจแยกไทรน้อยเส้นวงแหวนรอบนอกทางไปสุพรรณได้ข่าวว่าอ๊อฟได้ด้วย(ข่าวไม่ได้กรอง) ก็เป็นคำถามจากคนที่เคยไปส่วนใหญ่จะถามว่าทำไมคนเวียตนามรูปร่างเล็ก อันนี้เท่าที่สังเกตส่วนมากก็เป็นเช่นนั้น ชีวิตโอกาสที่นั่นยาก อย่างอื่นก็คงตามที่ทุกท่านทราบกันดี(ผิวพรรณ) นับแต่ช่วงน้ำมันขึ้นราคาเศรษฐกิจที่แย่นั้นผลักดันให้คนเวียตนามจำนวนมากต้องเข้ามาที่ประเทศไทยเพราะงานที่เงินดีมากๆทิปดีมาก ปากต่อปาก ทำให้คนเหล่านั้นไหลเวียนเข้ามา รวมทั้งยาบ้าหรือมา-ตุ๊ย เมืองไทยนั้นน่าอยู่ เพราะเราทำให้มันน่าอยู่ ช่วยกันหน่อยนะพี่น้องชาวไทย...

Friday, October 3, 2008

วิธีลดโลกร้อนของชาวไซง่อน

การเดินทางไปทำงานด้วยรถเมล์ ลดค่าไฟด้วยการใช้หลอดประหยัดไฟ งดใช้ถุง พลาสติก เพื่อลดโลกร้อน ในเมืองไซง่อนหรือโฮจิมินห์ หากพูดว่า"Sài Gòn xanh=ใส่ ก่อน ซัง"(ไซง่อนเขียว)จะเป็นที่ทราบกันในหมู่นักดื่มกินเที่ยวว่าหมายถึงการสั่งเบียร์สักขวดนึงมาดื่มสนนราคาขวดละ 8.000ด่อง สำหรับชาวไซง่อนแล้วเบียร์ไซง่อน(Bia Sài Gòn)นั้นนับว่าเป็นที่นิยมกันมาก โดยแบ่งออกเป็นสองชนิดตามสีของฉลากขวด คือ Sài Gòn đỏ (ใส่ ก่อน ด๋อ=ไซง่อนแดง) ฉลากขวดแดง และSài Gòn xanh ฉลากขวดสีเขียว ผมดื่มแล้วรู้สึกว่ารสชาติของขวดเขียวดื่มนุ่มกว่า ส่วนขวดแดงดีกรีแรงกว่าเปิดมาฟองจะฟูมากกว่า ดีกรี7% เบียร์แรงที่เคยดื่มมาก็เบียร์ดำRoyal Stout ของคาลส์เบิร์ก มาเลย์ สไตล์เดนนิชเป็นเบียร์สีดำกลิ่นออกโสมเกาหลีดีกรี8% ลองชิมที่บ้านเพื่อนคนแคนนาดาคุณAndyเผอิญเพื่อนคนฮอลแลนด์ชื่อดุ๊กแวะมาเยี่ยมที่พัทลุง เมื่อช่วงงานบุญส่งผีปู่ย่าตายายเมื่อ 29ก.ย.ที่ผ่านมา ก็แรงดีกระป๋องเดียวก็ตึงแล้ว นอกเรื่องอีกแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ทีนี้มาเข้าเรื่องของ Sài Gòn xanh กัน ซึ่งคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเบียร์แต่เกี่ยวข้องกับการสร้างนิสัยรักษ์สิ่งแวดล้อมและพื้นที่สีเขียวของชาวไซง่อน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อข่าวท้องถิ่นไซง่อน ได้ย้ำถึงผลการรายงาน การอภิปรายปัญหามากมายที่เกิดจากการใช้ถุงพลาสติก(Poly Ethylene=PE) หรือตามที่คนเวียตนามเรียกว่า túi xốp siêu thị(ตุ๊ย ซ้อบ ซิว ถิ=ถุงห้างช้อปปิ้ง) หรือ túi nylong(ตุ๊ย นาย ลอง=ถุงไนล่อน) ซึ่งถุงเหล่านี้สามารถพบได้โดยทั่วไปตามบ้าน เมื่อเลิกงาน บรรดาผู้คนไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าวในมื้อเย็น รวมทั้ง เนื้อ ผัก ปลา อาหาร ซึ่งต้องใช้ถุงพลาสติกใส่แยกชิ้นกัน หลังรับประทานเสร็จเศษอาหาร ต่างๆรวมทั้งขยะต่างๆที่ต้องใส่ลงถุง ลงถังกันในแต่ละวัน จากข้อมูลดังกล่าวถ้านับแล้ว วันละเฉลี่ยห้าถึงสิบถุงใน 260วันต่อปี(คนทำงาน5วันต่อสัปดาห์,ปีละ52สัปดาห์) แต่ละปี คนไซง่อนคนหนึ่งจะสร้างขยะถุงพลาสติกถึงกว่า 1,300 ใบ โดยในจำนวนนี้ยังไม่รวมการใช้ถุงพลาสติกในช่วงหยุดสุดสัปดาห์! ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ก็คงไม่ได้มากมายตามสถิติการใช้ต่อปี โดยชาวเวียตนามมีการใช้ถุงพลาสติกถึง 40 พันล้านถุงต่อปี คนเวียตนามทิ้งถุงดังกล่าว 480 ถุงต่อคนต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ อย่างในอังกฤษ คนเขาใช้ถุงพลาสติก 8พันล้านถุงต่อปีเฉลี่ย 133 ถุงต่อคนต่อปี ในเวียตนาม ถุงพลาสติกใช้ได้ทนทานนานกว่าห่อด้วยกระดาษและใบตอง แต่ว่าการย่อยสลายตัวนั้นยาวนานมากๆ อย่างในประเทศที่กำลังพัฒนา หลายๆประเทศเองก็ได้ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับถุงพลาสติกต่อสังคมและชุมชน เช่นกัน โดยในเวียตนาม เมืองโฮจิมินห์ ห้าง METRO CASH&CARRY(ถนนออกเมืองไซง่อนสายฮานอยก่อนถึงเขตถู ดึก) เป็นเป้าหมายแรกของการหยุดขยะพลาสติก และสนับสนุนการใช้ถุงผ้าแทนที่ แต่ก็มีร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ยังคงยากที่จะงดใช้ถุงพลาสติก เพราะทุนไม่หนาพออย่างห้างใหญ่ๆ หากต้องแจกถุงผ้า ทางหน่วยงานของรัฐเองก็สนับสนุนการประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยการใช้น้อยและปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นใช้งาน ปรับเครื่องทำความเย็นให้สูงขึ้นเพื่อประหยัดไฟ ในส่วนของบ้านเรือน โรงงาน ปรับเปลี่ยนไปใช้หลอดผอมประหยัดไฟ แทนหลอดไส้ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา EVN(Electricity of Vietnam) หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและจัดจำหน่ายเวียตนาม ได้มีการรณรงค์ใช้หลอดประหยัดไฟ มีการจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศ แต่แผนงานก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายนักที่จะประสบผลเพราะทางEVNเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า ไม่ได้เป็นผู้ขายหลอดไฟโดยตรง การขยับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันรถเป็นเหมือนการบังคับให้คนไซง่อนต้องรักษ์สิ่งแวดล้อมไปโดยปริยาย ทางการเองก็รณรงค์การงดใช้ มอ'ไซต์แล้วหันมาใช้รถเมล์ หรือเดินเท้าในระยะทางใกล้ๆแทน บางคนก็หันมาใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นด้วยการใช้กระดาษแทนถุงพลาสติก พูดง่ายแต่ก็ทำได้ยาก ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาพอควร บางครั้งต้องลดความสะดวกสบายลงบ้าง Bioplastic ซึ่งเป็นพลาสติกพิเศษผสมเส้นใยธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้ด้วยตนเองเป็นแนวคิดหนึ่งที่จะเข้ามาแทนที่ถุงพลาสติก แต่ก็ยังคงมีราคาที่สูงอยู่ ซึ่งก็คงยากหากจะงดใช้ถุงพลาสติกที่สะดวกกว่าในทันที การนำแนวคิดมาใช้ควรเริ่มทำที่ตัวแทนจำหน่ายผู้ผลิตที่จะลดการผลิตถุงนี้ โดยเริ่มจากการทำหีบห่อด้วยกระดาษหลายกล่องแล้วนำไปใส่ถุงพลาสติกใหญ่เพียงถุงเดียว อันนี้ก็ช่วยได้ ส่วนบ้านเราก็มีการนำกระดาษอัดชานอ้อยเป็นจาน ถ้วย ราคาก็สูงพอควร พอใช้ซ้ำครั้งสองครั้งพอได้ มาตรการของห้าง METRO CASH&CARRY นั้นได้เริ่มการงดแจกถุงพลาสติกฟรี จนสิ้นสุดเวลา จึงจะทำการขายถุงผ้าโดยลูกค้าต้องจ่ายเงินซื้อเอง แต่ก็นับว่ามีประโยชน์เพราะถุงผ้านั้นใช้ใส่ของได้หลายๆครั้ง ผู้จัดจำหน่ายทั่วไปก็สามารถทำได้ ยิ่งถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ให้งดการใช้ถุงพลาสติก หรือหากจะปรับราคาถุงเล็กให้สูงขึ้นและปรับราคาถุงใหญ่ให้ถูกลง โดยทั่วไปแล้ว ถุงใหญ่สนนราคาถุงละ1.000หรือ2.000ด่อง แม่บ้านไซง่อนหลายคนเองก็คงไม่อยากซื้อไปใช้แน่เมื่อเทียบกับการที่ต้องใช้ถึงสี่ถุง บางทีเอาตังค์นั้นไปซื้อ Sài Gòn xanh สักขวดให้สามียังจะดีกว่า ฮ่า...(สี่ถุง=8.000ด่อง=เบียร์ 1 ขวด) ที่มา:Quynh Thu,Saigon Times Weekly

Monday, September 15, 2008

มาตรการป้องกันนักขับรุ่นเยาว์ที่เวียตนาม

โดย Quynh Thu ทางการได้ใช้หลากหลายวิธีการ ในการห้ามนักขับขี่ที่มีอายุน้อยๆ โดยเฉพาะนักเรียนมัธยม แต่การส่งเสริมความรู้เรื่องกฏจราจรในการขับขี่ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ควรมี ในหลายมลรัฐของอเมริกา จะอนุญาตให้คุณสามารถขับขี่รถยนต์ตั้งแต่อายุ16ปี เช่นเดียวกับ เมืองออนตาริโอ แคนนาดา ในอังกฤษนั้นต้องอายุ 17 ปี เดนมาร์กต้องอายุ 17.5 ปี แต่ในเยอรมัน ฝรั่งเศสนั้น ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป บทความหนึ่งใน USA TODAY กล่าวว่า "ทุกวันนี้โดยเฉลี่ย จะมีคนตายในสหรัฐ สองคนต่อวัน จากยวดยานต์ที่ขับขี่ โดยเด็กอายุ16ปี หนึ่งในห้าของกลุ่มอายุ16ปี จะประสบอุบัติเหตุรถชนในปีแรกๆ " นักขับอายุ 16 ปียังมีจำนวนประวัติรถชนอย่างร้ายแรงมากกว่าถึงห้าเท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มนักขับที่อายุ 20 ปีหรือมากกว่านั้น ที่เวียตนามนั้น ตามกฎหมายจะอนุญาตให้ขับรถได้ ตั้งแต่อายุ18 ปี โดยขับขี่มอไซต์ได้ตั้งแต่50ccขึ้นไป แต่ในความจริงก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมเองเท่าที่สังเกตจะพบเห็นccสูงสุดบนท้องถนน ก็ 150 CC ในรถตระกูลฮอนด้าSH มีบ้างที่เป็นรถใหญ่ ตระกูล big bike Harley แต่ก็พบเห็นกันน้อย เคยเห็นครั้งหนึ่ง ที่หน้าร้าน Seventeen Saloon ถนนโตงดึ๊กทั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด สำหรับเมืองโฮจิมินห์ก็คือ นักขับขี่รถมอเตอร์ไซต์วัยรุ่นมีจำนวนประสบอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าวัยที่สูงกว่านี้ ในปีนี้เองก็มีคนตาย เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางถนนกว่า 800 คน เฉพาะในเขตเมืองแห่งนี้ และมีจำนวน 10% เสียชีวิตกว่าวัยอันควรบนท้องถนน ซึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตเหล่านี้กว่า 40% มีอายุน้อยกว่า 20 ปี! การเข้าแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยที่รัฐเองได้เพิ่มมาตรการกกข้อบังคับทางกฏหมายจราจรที่เข้มงวดขึ้น โดยการบังคับห้ามเยาวชนที่ต่ำกว่าอายุดังกล่าวขับขี่ โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมปลาย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนผมคนนึง พึ่งหัวเสียจาการโดนตำรวจไถเงินมา แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าขับขี่อย่างถูกต้องตามกฏ แต่ทว่าปีหนึ่งนั้น เขาต้องเสียเงินให้ตำรวจพวกนี้สองสามครั้งต่อปี(ครั้งนึงก็ 20.000-50.000 ด่อง)โดยไม่มีข้อต่อรอง จะว่าไปแล้วรถยนต์เองยังเป็นพาหนะที่แพงเมื่อเทียบกับฐานะความเป็นอยู่ของคนเวียตนามโดยทั่วไป และถนนเองก็แคบไม่คล่องตัวเลยหากเทียบกับมอเตอร์ไซต์แล้วมันยังคงความนิยมและใช้กันในครอบครัว พ่อแม่ชาวเวียตนามทั่วๆไปหลายคน ซื้อมอไซต์ให้ลูกเป็นของขวัญเมื่อเริ่มเข้าเรียนมัธยมปลาย(เกรด 10 ถึง เกรด 12=มัธยม 4-5-6)นั้นคือเมื่อย่างอายุ 16-18 ปี อันนี้คงคล้ายบ้านเราโดยที่บ้านเรานั้นไม่ต้องดาวน์เอาไปใช้ได้เลย(ดอกเบี้นน้อย ผ่อน โครตนาน...ฮ่า...)แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่นั่นก็คือการซื้อรถที่มี cc มากกว่า 50 cc. หรือจำพวก xe phân khi ln(แซ ฟาน คี อิน=มอเตอร์ไซต์สปอร์ตหรือมอไซต์ซิ่ง) ในการออกกฏหมายบังคับสำหรับเยาวชน ที่ขับขี่ที่ต่ำกว่าอายุดังกล่าว จะอนุญาตให้เป็นกรณีไป โดยทางฝ่ายปกครองโรงเรียนจะจดบันทึกชื่อนักเรียนที่ขับขี่รถซีซีสูงไว้ก่อนเพื่อตักเตือน แม้ว่าเด็กจะมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่พ้นสายตาตำรวจจราจร โดยที่เยาวชนดังกล่าว หากทำผิดกฏหมายจะต้องถูกจับกุม และถูกยึดรถไว้ 90 วัน การมารับคืนนั้นจะต้องให้ผู้ปกครองมารับทราบข้อกล่าวหา และค้ำประกัน คำรับรองจากเพื่อนบ้าน รวมทั้งฝ่ายปกครองของโรงเรียนมารับทราบ โดยทางฝ่ายปกครองโรงเรียนจะดำเนินการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียนดังกล่าว หากครบสามครั้งก็จะพ้นสภาพความเป็นนักเรียน Huynh Cong Minh,ผู้อำนวยการแผนกการศึกษาและอบรม ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวท้องถิ่น เชิงตำหนิฝ่ายปกครองของโรงเรียนว่า แม้นักเรียนในไซง่อนปกติส่วนมากเดินทางโดยรถเมล์ บางส่วนก็มากับผู้ปกครองหรือคนสนิท แต่ก็มีบ้างบางส่วนที่แหกกฏ โดยการขับขี่รถที่มีซีซีสูงเกินกฏหมายกำหนด มาเรียนที่โรงเรียนเองทั้งที่รู้ว่า อาจจะโดนตัดคะแนนได้ โดยพฤติกรรมของนักเรียนเหล่านี้ จะแอบไปจอดรถไว้ใกล้ๆโรงเรียน ตามจุดจอดรถทั่วไป โดยแอบแฝงไม่ให้พบเห็นได้ง่าย แต่เด็กหัวใสเหล่านี้รู้ดีว่า เมื่อตนเองไม่มีใบอนุญาต อาจไม่พ้นจากการสังเกตุจากตำรวจจราจร ถ้าหากสวมใส่ชุดนักเรียน พวกนี้จึงต้องหาชุดวอร์มเสื้อนอกมาใส่ เพื่อปกปิดชุดนักเรียนเอาไว้นั่นเองไว้ ข่าวของหนังสือพิมพ์ทันเนียนกล่าวว่า พ่อลูกคู่หนึ่งที่ต้องส่งลูกสาวไปโรงเรียนทุกวันขณะนี้ อยากให้ทางการยกเลิกกฏหมายห้ามเด็กขับขี่รถเพราะลูกสาวตนเองจะได้ขับขี่ไปเรียนเอง อย่างไรก็ตาม เขาเองได้เตรียมที่จะซื้อรถจักรยานไฟฟ้าให้ลูกสาวขับขี่แทน จะว่าไปแล้วรถจักรยานไฟฟ้านั้น ดูปลอดภัย และสะอาดดีต่อสิ่งแวดล้อมมากๆ หากการเข้มงวดกวดขันตามกฏหมายใหม่นี้เกิดขึ้น พวกเด็กนักเรียนที่ไม่มีใบขับขี่นั้น ก็คงต้องถูกออกจากโรงเรียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีทางแก้อีกมากมาย อยู่ที่ตัวครูอาจารย์และผู้ปกครองต้องปลูกฝังความคิด สร้างจิตสำนึกที่ดี เคารพกฏจราจร กฏของการอยู่ด้วยกันอย่างผาสุขให้แก่เยาวชน โดยพึงระวังถึงอันตรายเองจะดีที่สุด ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย ที่มา:Saigon Time Weekly

Monday, August 18, 2008

Football Thai Player in Vietnam I

เมื่อพูดถึงฟุตบอลในเวียตนาม ทำให้ผมเห็นภาพนักเตะคนหนึ่งคือคุณซิโก้ หรือเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองที่เข้าไปเล่นฟุตบอลในเวียตนาม ผมจำได้ว่าเมื่อครั้งเดินทางมาเวียตนามเมื่อปี 2003 สิ่งที่ผมเห็นก็คือรูปโฆษณาเครื่องดื่มกระทิงแดงขนาดใหญ่หน้าทางออกสนามบินตันเซิงยึก โดยมีพรีเซ็นเตอร์เป็นคุณซิโก้ ทำให้ผมอดปลาบปลื้มไม่ได้ที่ได้เห็นคนไทยเป็นที่ชื่นชมของคนเวียตนาม คิดว่าการเดินทางมาทำงานครั้งนี้คงมีสิ่งดีดีแน่ ต่อมาปี 2004 ก่อนจะบินกลับมาไทยตอนอยู่ที่ห้องพักรอสนามบินตันเซิงยึก ก็ได้พบเห็นคุณซิโก้ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก มีบางคนเข้ามาทักทายคุณซิโก้แต่เขาก็ไม่ได้คุยอะไรมาก สโมสรที่คุณซิโก้เล่นอยู่ในตอนนั้น คือสโมสรฟุตบอล Hoàng Anh Gia Lai(ห่วง อัน ยา ลาย) หรืออีกชื่อเรียกว่า Đội lạc bộ bóng đá Gia Lai(โด่ย หลัก บ่อ บ๊อม ด๊า ยา ลาย) ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2002 โดยมีเจ้าของบริษัทHoàng Anh เป็นผู้ริเริ่ม โดยนำชื่อของบริษัทและเมืองยาลายมารวมกัน จนกลายมาเป็นชื่อของสโมสร ปัจจุบันทางสโมสรได้จับมือกับทีมสโมสรอาเซนอลของอังกฤษ เปิดโรงเรียนสอนการเล่นฟุตบอลที่เมืองPleiku ถือเป็นการร่วมกันลงทุนทางธุรกิจที่ทางอาเซนอลมีในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ 50 Nguyễn Thiện Thuật, TP. Pleiku,tỉnh Gia Lai, Việt Nam แฟกส์: 059-828373 โทร: 059-875539 มีสนามประจำสโมสรอยู่ที่Pleiku(ไปล กู) จุจำนวนผู้ชมได้ 15,000 ที่นั่ง มีโรงฝึกที่Hàm Rồng เมืองPleiku ประกอบไปด้วยสองสนาม 40 ห้องนอน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และสนามเทนนิสอีกด้วย ประธานสโมสรคือĐoàn Nguyên Đức ประธานฝ่ายคือ Huỳnh Ngọc Định ผู้จัดการคือ Nguyễn Văn Vinh ทีมนั้นเล่นอยู่ในระดับV-League ผลงานที่ผ่านมาเป็นแชมป์ V-league และSuperCup ปี2003 2004 มีโอกาสเข้าร่วมฟุตบอลสโมสรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี2004 และเข้าร่วมฟุตบอลสโมสรเอเชียปี2005 ส่วนนโบายและเป้าหมายคือแชมป์ในระดับภูมิภาคกับเอเชียภายใน ปี2009และปี2010 สัญลักษณ์ทีมเริ่มแรกปี2002เป็นภูเขาพระอาทิตย์มีล้อเฟืองด้านล่างแต่ปี2006มีการเพิ่มดาวแดงสองดวงด้านบนสัญลักษณ์ได้ใช้มาจนปัจจุบัน มีชุดผู้เล่นทีมเหย้าเป็นเสื้อและถุงเท้าแดงส่วนแขนและกางเกงขาว ส่วนชุดเยือนเป็นเสื้อขาวแขนแดงกางเกงถุงเท้าขาว จำนวนนักเตะที่สังกัดในทีม ปี2008 นี้ มีจำนวน 31 คนในจำนวนนั้นเป็นต่างชาติ 5 คน สองในห้าเป็นคนไทยคือคุณศักดา แจ่มดี และคุณดัสกร ทองเหลา ในอดีตเคยมีนักเตะบ้านเราที่เคยเล่นร่วมเล่นในทีมนี้ คือคุณดุสิต เฉลิมแสง คุณตะวัน ศรีปาน ซึ่งเป็นผู้เล่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันกับคุณซิโก้ ส่วนคนไทยที่เคยเป็นโค้ชให้กับทีมนี้ ท่านแรกเริ่มก็คือคุณอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ถัดมาเป็นคนเวียตงามชื่อHuỳnh Văn Ảnh แล้วคุณอาจหาญก็กลับมาเป็นโค้ชอีกครั้งในเดือน พฤศจิกายน 2005 ถึง กุมภาพันธ์ 2006 ต่อจากนั้นคุณซิโก้ก็รับช่วงต่อจนถึง 14 ตุลาคม 2006 ต่อมาก็คุณชัชชัย พหลแพทย์ เป็นโค้ชต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม2007 จวบจนปัจจุบันนี้ ปี 2008 ก็เป็นคุณอนันต์ อมรเกียรติ ซึ่งนับว่าคนไทยเราค่อนข้างได้รับเกียรติเป็นอย่างดี ผมคิดว่าคนรุ่นแรกที่ไปนั้น คงสร้างสมสิ่งดีดีไว้เยอะ จะเป็นอย่างไรนั้นคงเอาไว้เล่าต่อคราวหน้านะครับ ที่มา:en.wikipedis.org

Friday, August 15, 2008

Famous Food I

ไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัททำให้นึกถึงอาหารเวียตนามหลายอย่างด้วยกัน แต่ที่ขึ้นชื่อ และที่เคยเห็นและได้ยินมา เท่าที่พอจำได้ก็พอมีดังนี้ 1.Bò 7 Món(บ่อ ไบ๋ โม้น) หรืออาหารชุดโต๊ะจีนเจ็ดอย่างปรุงจากเนื้อวัว นิยมเสริฟกินกันในงานแต่งงานโดยดัดแปลงมาจาก Cá 7 Món ซึ่งเป็นอาหารชุดที่ปรุงมาจากปลา อาหารเหล่านี้เป็นที่นิยมจัดทำกันมาก ผมเข้าใจว่าคงเป็นอย่างโต๊ะจีนบ้านเรา ท่านที่เคยไปงานแต่งที่เวียตนามก็คงพบเห็นบ่อยๆอาหารก็คล้ายกันไม่แตกต่าง 2.Phở (เฝ๋อ)ก๊วยเตี๋ยวญวน เส้นทำจากข้าว อันนี้คงเป็นที่ทราบกันแล้วคงไม่ต้องบรรยายมาก อาทิ Phở bò(เฝ๋อ บ่อ)ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ อันนี้หากินง่าย เท่าที่สังเกตจะนิยมกินกันตอนเช้า เที่ยงก็ทานข้าวปกติ อย่างขนมปังบั๊นหมี่ก็นิยมตอนเช้าเช่นกัน เครื่องปรุงที่ต่างจากก๊วยเตี๋ยวก็คงเป็นการใส่น้ำกะปิ(ม้ำโตม) น้ำกระเทียมดอง(ต๋อย) น้ำมันเจียวตะไคร้(สา) ซอสถั่วสีดำอย่างกับถั่วเน่า อยากเผ็ดก็สั่งเอิ๊ดบับ(พริกสับ)เอง หรือเติงเอิ๊ด(ซอสพริก)ก็แก้ขัดได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังในการกินกับผักบางอย่างซึ่งบางคนไม่ชอบเช่นผักไผ่ ผักแพ้ว ตัวสำคัญก็คือเจ้า rau đắng(เรา ดั๊ง)ซึ่งต้นคล้ายคุณนายตื่นสายขมมาก บางคนใส่ไปแบบไม่รู้ ไม่คุ้นรส(เช่นผมเป็นต้น ฮ่า...)ดูที่รูปเอาเองนะครับ 3.Bánh bao(บั๊น บาว) สิ่งนี้หรือคือ ซาลาเปา นั่นเอง ครับ ผมเคยซื้อกินบ่อยที่ไซง่อน แม้ว่าตอนที่ผมทำงานที่นั่นจะหาข้าวต้มกินหลังเที่ยวกลางคืนยาก หรือไม่มี ก็ได้เจ้านี่ช่วยไว้เยอะ ซื้อบ่อยก็ตรงใกล้ๆวงเวียนห่างซันเส้นทางจะออกไปสะพานบิ่นจิ๋ว อร่อยดีใส่เนื้อเยอะด้วย(แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าเนื้ออะไร ฮ่า...)ราคาก็ลูกละสิบบาทตอนนั้น อันที่จริงแล้วกลุ่มกินเจ(=เหง่ย อัง ใจ)และพระที่นั่นจะนิยมกินกันมากกว่า 4.Bánh chưng(บั๊น จึง) คล้าย บ๊ะจ่างของจีนครับ ห่อข้าวเหนียวใบตองเป็นทรงสี่เหลี่ยมกว้างยาวคืบใส่ถั่วเหลืองถั่วดำแดงมันหมูรองด้านล่างแล้วนึ่ง นิยมในงานปรเพณีปีใหม่(Tet) ทางปักษ์ใต้จะเรียกว่า Bánh Tet(บั๊น เต้ด) แต่ก็เข้าใจตรงกัน กินกับกิมจิอร่อยมาก แต่แคลอรี่สูงไปหน่อย กินแล้วหมับ(=อ้วน) 5.Bánh mì kẹp thịt(บั๊น หมี่ เก็บ ถิด) หรือแซนวิชเนื้อ นั่นเอง ตามอย่างฝรั่งเศสใส่ทุกอย่างคล้ายกัน เนย(=เบอ) ชีส แฮม บางที่ใส่เนื้อปูสับ เนื้อวัวบดทำคล้ายอย่างเนยแต่เค็มโครตเลยคงเหมาะกับการกินขนมปัง พริก น้ำส้มปรุงตามใจสั่ง ชี้สั่งไปเถอะครับ เป็นอาหารที่หากินง่ายพบได้ตอนเช้า และเย็น ใส่หาบคอนขายหรือใส่หาบผูกรถจักรยานมา ทานช่วงเช้าจะดี เพื่อนบางคนแบ่งสองส่วนกินเช้าต่อเที่ยงประหยัดจริงจริง ตอนนั้นปี 2546 ราคาถูกมากแค่ หมก เหง่หมก อ๋อ(สาม บาท หนึ่ง ชิ้น) คนงานโรงงาน เด็กนักเรียน หรือกรรมกร อย่างผมชอบมากๆ จะว่าไปเจ้าบั๊นหมี่เองก็มีการปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายแบบด้วยกัน แต่ที่นิยมกันมากมีดังนี้ -Banh mi xiu mai(บั๊นหมี่ ซิว หมาย=ใส่ลูกชิ้นใหญ่) -Banh mi xa xiu(บั๊นหมี่ ซา ซิว=ใส่หมูแผ่นบาบีคิว) -Banh mi ธรรมดา อุ่นร้อนๆ จิ้มกินกับไข่ดาวทอดพอสุกดิบโรยพริกไทยใส่ซอสถั่วเหลือง(=นึก เติง) กินตอนเช้าจะอร่อยมากเรียกว่าบั๊นหมี่ อ๊อฟ ลา หรือจะจิ้มกับเนย(=เบอ)ก็อร่อยไปอีกแบบ ถ้ากินกับปลากระป๋อง(=ก๊า ลอง) ผมจะเรียกว่าบั๊นหมี่ก๊าลอง ยังมีอาหารอีกหลายอย่างคงไว้เล่าคราวหน้าวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ ที่มา:EN.WIKIPEDIA.COM

Wednesday, August 13, 2008

Black Box Thai Game Show

เปิดดูรายการทีวีฮานอย เจออยู่รายการหนึ่งเป็นเกมโชว์ดูคุ้น รายการกล่องดำ ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล แต่ทางเวียตนามชื่อรายการHộp đen(หอบ แดน) แปลว่ากล่องดำเนื้อหาเช่นเดียวกับรายการที่บ้านเรา กล่าวคือเกมโชว์ที่รวบรวมเอาสิ่งของสำคัญทุกชิ้นในโลก มาใส่ไว้ในกล่อง พร้อมกับนำเกร็ดความรู้และประวัติที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งของชี้นนั้นมาตั้งเป็นคำถาม เพื่อชิงเงินรางวัล ยิ่งไปกว่านั้นองค์ประกอบที่จะส่งเสริมให้เกมกล่องดำ น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก นั่นก็ คือ ผู้เข้าแข่งขันในเกมนี้จะต้องเป็นคู่สามี ภรรยา ที่จะต้องใช้วิจารณญาณและการตัดสินใจร่วมกันในการเล่นเกม รางวัลที่ทางผู้จัดที่เวียตนามตั้งไว้นั้น มีมูลค่ากว่า 30ล้านด่อง(72,xxx บาท) เมื่อเทียบบ้านเรานั้นเงินรางวัลจะอยู่ที่ 1,000,000 บาท(412ล้านด่อง) นับมูลค่าแล้วมันห่างกันมากนะครับ ผมอ่านจากข่าวเหง่ยลาวด่อม บอกว่าเกมนี้เป็นเกมโชว์สุดยอดเกมระดับเอเชียมากว่าสองปีแล้ว โดยที่ทางฮานอยทีวีได้เริ่มเปิดรายการนี้มาตั้งแต่ 30 กรกฏาคม 2551 ทุกวันพุธ ตั้งแต่เวลา 20:00-20:45 น. เป็นต้นมา ที่มา:www.nld.com.vn

Monday, August 11, 2008

Vietnamese Music and Dinner

จำได้เมื่อตอนจบโครงการสร้าง โรงงานHuhtamaki packaging (ของฟินแลนด์) ที่นิคมเวียตนามสิงคโปร์ (VSIP) จ.บินยืงห์ โฮจิมินห์ซิตี้ เราได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ที่ร้านBlue Ginger เลขที่37 ถนน Nam Ky Khoi Nghia เขต 1 เป็นร้านอาหารเวียตนาม แบบที่มีแสดงดนตรีพื้นเมืองภาคกลาง มีหลายอย่างที่ไม่ธรรมดาที่นี่ แต่คงเอาไว้เล่าต่อในคราวหน้า แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่น่าสังเกตคือ เครื่องดนตรีที่เขาเล่น ตัวที่เด่นสะดุดตาและเสียงแปลกประหลาดดี เรียกว่า Đàn bầu(ด่าง บ่าว) คำว่าบ่าวแปลว่า ท้องป่อง เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเวียตนาม ประเภทเครื่องดีดสายเดี่ยว ตามที่ได้จดบันทึกกันนั้นเจ้าเครื่องดีดนี้ถือกำเนิดเมื่อ ปี 1770 แต่ก็มีนักวิชาการประมาณว่า มีอายุยาวนานกว่าพันปี ตามตำนานเล่าว่า มีผู้หญิงตาบอดคนหนึ่ง เล่นมันเพื่อแลกค่าประทังชีวิตเลี้ยงดูครอบครัว ในขณะที่สามีของเธอนั้นกำลังอยู่แนวหน้าสนามรบ ไม่ว่าเรื่องเล่าจะจริงเท็จยังไง เครื่องดนตรีนี้ก็ถือกำเนิดมาและเล่นโดยกลุ่มนักดนตรีวณิพก จวบจนปัจจุบันนี้ เสียงที่นุ่มของมันสอดรับกับเครื่องดนตรีอื่น ด่างบ่าว นิยมเล่นบรรเลงในเพลงพื้นเมืองของภาคกลาง และยังคงความนิยมถึงปัจจุบัน บางเทศกาลยังนำมาบรรเลงประกอบการร้องกาพย์กลอน และยังนำไปบรรเลงในวงดนตรีสากลเอเชียอย่างเพลงป๊อบ เพลงร๊อค ปัจจุบันได้มีการนำท่วงทำนองเสียงสังเคราะห์อย่างด่างบ่าวไปใช้กีต้าร์ไฟฟ้า เพื่อยืดจังหวะเสียงเวลาโซโล ส่วนประกอบของ ด่างบ่าวประกอบด้วยสี่ส่วนคือ ปล้องลำไผ่ ก้านไม้ กะลาครึ่งซีก และเส้นไหม สายจะถูกพาดตามปล้องลำไผ่ผูกไปยังก้านไม้อีกด้านหนึ่งที่มีกะลาติดอยู่ ในมุมฉาก แต่ในปัจจุบันปล้องไผ่ได้ถูกแทนที่ด้วยกระดานไม้อัดเนื้อแผ่นนอกแข็งในอ่อนรวมสามชั้น สายไหมถูกแทนที่ลวดกีต้าร์ คันโยกก้านไม้ยืดเสียงนั้นยังคงเหมือนเดิม แต่ประดับประดามันเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม การจูนปรับเสียงก็ใช้เครื่องปรับเหมือนอย่างเครื่องดนตรีสากล ตรงฐานสายเพิ่มตัวปรับเสียงได้ ปกติจะปรับเสียงลงหนึ่งขั้นจาก Chord C(130.813 Hz) ใครเคยเล่นกีต้าร์ก็ประมาณว่าเล่นคีย์ต่ำนะครับ แต่หากจะปรับไปเล่นคีย์อื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน แม้ว่าการละเล่นด่างบ่าวจะไม่ยากแต่ต้องอาศัยความแม่นอย่างมาก ในการตวัดมือขวาแตะเบา-หนักที่เส้นสายซึ่งถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดจุดเสียง ในขณะที่ต้องใช้อีกนิ้วมือซ้ายดึงรั้งก้านไม้เหมือนอย่างที่เห็นนักกีต้าร์โซโลดึงคันชักโย้โยกไปมาเพื่อลากเสียงยืดยาวสั้น เหมือนอย่างกับดีดพินจีนผสมกีต้าร์โซโล ยังมีเครื่องดนตรีจีนทางใต้อีกอย่าง ที่นับว่าใกล้เคียงกับด่างบ่าวก็คือ duxianqin(หยู เซี่ยง ชิน) ลักษณะคล้ายกันต่างกันแค่วัสดุตัวเครื่องบางอย่างเท่านั้น สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าด่างบ่าวได้ถูกนำเข้าโดยกลุ่มชาวจิ้ง(ชนพื้นเมืองเวียตนาม)ที่อพยพไปจีนเมื่อ 1600 ปีก่อนนั่นเอง ทีนี้ลองมาฟังตัวอย่างเสียงของมันดูนะครับ ที่มา:en.wikipedia.com

Tuesday, August 5, 2008

Hit Hot Song This Week

ช่วงนี้ผมกลับดึกบ่อย(เมา...) พอมีเวลาก็เลยนั่งสำรวจเว็บเพลงก็พบว่า เพลงของนักร้องหน้าใหม่ใสปิ้ง Minh Hằng(มิง หั่ง)ขึ้นTop Chart ของสัปดาห์นี้ที่เวียตนาม เพลงนี้ชื่อว่าNgười Vô Hình(คนไร้ตัวตน) โดยอัลบั้มนี้เป็นชุดแรกของเธอชื่ออัลบั้ม Một Vòng Trái Đất(หนึ่งรอบโลก) มาดูเธอแนะนำตัวเองดีกว่า...
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเล่นว่าคือ bé Heo(หมูน้อย)ค่ะ สังกัดค่ายเพลงHãng Phim Trẻ เกิดที่โฮจิมินห์ซิตี้สูง 1.65 เมตร ดิฉันนับว่าตัวสูงทีเดียว แต่จะว่าไปแล้วนะค่ะ เด็กรุ่นใหม่ที่เวียตนาม เค้าตัวสูงใหญ่กันบ้างแล้ว เพราะเน้นการบริโภคนมตั้งแต่เด็กก็คงคล้ายที่อื่นๆค่ะ ตอนนี้ดิฉันหนัก 50 กก.ค่ะ ชอบเดินห้างช๊อปปิ้ง กินอาหารเหลา(ภัตตาคาร) ดูหนัง มีเพื่อนสนิทแปดคน นิสัยนะค่ะโกรธง่าย หายเร็ว ค่ะ ฮิ...ฮิ ส่วนคนรักที่สุดคือคุณแม่ค่ะ อาหารที่ชอบที่สุดก็คือ ประเภทแกงต่างๆและ เหลาไทยแลน(ต้มยำ) ค่ะ กีฬาสุดโปรดก็มี ว่ายน้ำ โบว์ลิ่ง บิยา(Bida=กีฬาคล้ายสนุกเกอร์แต่โต๊ะไม่มีรูอาศัยนับแต้มตามตำแหน่งหกจุดบนโต๊ะ) ชอบสีขาว ดำ ชมพู เขียว สัตว์ที่ชอบคือลูกหมูค่ะ ชอบแต่งตัวใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ นักร้องที่ชอบ Bi, Boa(...?) ชอบคนที่ใจดี โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความฝันที่อยากเข้าสู่วงการบันเทิง ค่ะ"
ที่นี้มาฟังเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มเป็นเพลงชื่อMột Vòng Trái Đất ซึ่งร้องคู่กับนักร้องชายชื่อTim ยังไงก็เป็นกำลังใจ ขอให้โชคดีนะครับ




ที่มา:Nhacso.net

Tuesday, July 29, 2008

TV In Vietnam


ในช่วงปี 1960 เวียตนามได้เริ่มมีการนำเข้าระบบทีวีและเผยแพร่กันในเวียตนาม โดยคนอเมริกันได้ติดตั้งสถานีถ่ายทอดโทรทัศน์เป็นระบบขาวดำของTruyền hình Việt Nam (THVN) โดยในกรุงไซง่อนนั้นมี สองสถานีด้วยกันคือเป็นภาคภาษาอังกฤษหนึ่งสถานี และอีกสถานีเป็นภาคภาษาเวียตนาม หลังจากนั้นในต้นปี 1970 จึงได้มีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเกิดขึ้นในเมืองHuế, Đà Nẵng, Nha Trang, Quy Nhơn และ Cần Thơ

ส่วนสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเวียตนามที่ปัจจุบันตั้งอยู่ทางภาคเหนือตั้งแต่กันยายน 1970 นั้นเดิมได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากประเทศคิวบา แต่ก็ต้องถูกบังคับย้ายอุปกรณ์ไปยังเขตเนินเขาViệt Bắc เพื่อใช้ในการถ่ายทอดสัญญานจนกระทั่งการทิ้งระเบิดของอเมริกายุติ ภายหลังการรวมชาติในปี 1975 สถานีที่ก่อตั้งโดยอเมริกันทางตอนใต้จึงได้รวมกันเป็นเครือข่ายโทรทัศน์แห่งชาติครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ แล้วโทรทัศน์สีจึงได้เริ่มมีกันมาตั้งแต่ปี 1978 จนปี 1990 คนเวียตนามทั่วไปจึงได้รับชมการถ่ายทอดสัญญานจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติทั้งสองสถานี


ปัจจุบันนี้ เวียตนามทีวี หรือVTV แบ่งออกจากเดิมห้าเป็นเก้าสถานีย่อยดังนี้
VTV 1 (ช่อง 9): เน้นข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน เริ่มถ่ายทอด 1 มกราคม 1990
VTV 2 (ช่อง 11): วิทยาศาสตร์,เทคโนโลยีและการศึกษาเริ่มแรกถ่ายทอดวันเดียวกับVTV1
VTV 3 (ช่อง 22):กีฬาและรายการบันเทิง เริ่มถ่ายทอด เมษายน 1995
VTV 4 : ตั้งในปี 2000 เป็นสถานีต่างประเทศ ที่นำเสนอรายการภายในท้องถิ่นที่คัดสรรแล้ว จากทั้งสามช่องดังกล่าว ผ่านดาวเทียมไปยังชาวเวียตนามในต่างแดนไปทั่วเอเชีย แอฟริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลียตะวันตกเฉียงเหนือ
VTV5 :ตั้งในปี 2002 เพื่อใช้เป็นสถานีเผยแพร่ความเป็นอยู่วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยในเวียตนาม
VTV6: ข่าวสารเยาวชน เริ่มถ่ายทอด 29 เมษายน 2007
VTV9: ช่องแดนใต้ สาระ และอื่นๆเกี่ยวกับแดนใต้ เริ่ม 1 ตุลาคม 2007
VTV8: ช่องรายการภาษาต่างประเทศ

ปี 2003 VTV1, VTV2, VTV3 VTV5 ทั้งหมดได้ถ่ายทอดผ่านดาวเทียม

ปี 2006 ช่องทั้งหมดจึงได้ถ่ายทอดสู่ระบบinternet ผ่านเว็บไซต์ของ Việt Nam Multimedia Corporation (VTC) โดยในส่วนของVTC เองก็มีหลายช่องเช่น


VTC1: เป็นรายการหลักประกอบด้วยสาระบันเทิง หนัง ข่าวกีฬา
VTC2: เดิมเป็นรายการหนังและกีฬา ก่อนที่ VTC3 และ VTC6 จะเปิดทำการ ทำให้ปัจจุบันนี้ VTC2 เป็นผังรายการหลักของช่อง VTC1 และ VTC5ที่ถ่ายทอด หนัง กีฬา ข่าว และบันเทิง
VTC3: ช่องกีฬา
VTC4: ช่องโลกแฟชั่น
VTC5: ช่องเทคโนโลยี และสัตว์โลก
VTC6: ช่องหนัง
VTC7: ทดลองออกอากาศ(คล้าย VTC1)
iTV - VTC10: ถ่ายทอดสด เกม วาไรต์ตี้ เริ่มถ่ายทอด 1 มิถุนายน 2008
VTC11: ทดลองออกอากาศ การ์ตูน

สถานีในท้องถิ่นของ VTV มีศูนย์กลางอยู่ที่ Hồ Chí Minh City, Huế, Nha Trang, Cần Thơ, Vinh และ Tam Đảo รายการที่ทางสถานีVTVก็มีรายการเหมือนอย่างในหลายหลายประเทศ

ในปลายปี 1990 เนื่องด้วยนโยบายแห่งชาติในการขยายพื้นที่การรับชม ปี 2003 บ้านเรือนกว่า 80%ในชานเมืองมีโทรทัศน์รับชมได้เอง แต่ยังมีน้อยในทางเขตชนบทห่างไกลและตามรวงร้านซึ่งยังคงอาศัยโทรทัศน์กับเครื่องเล่นวีดีโอดูย้อนหลัง จนปี 2001 VTV ได้ถ่ายทอดรายการสารคดีรายสัปดาห์ถ่ายทอดรายการเกี่ยวกับชาวห่ม เย้า อีดะ ม้ง กระเหรี่ยง มูเซอ(เซอ ดัง) เคอ-โฮ รา-กราย จาม เซียง ขแมร์(เขมร) ในภาษาถิ่น ตอนละสามสิบนาที

ปี 1975 เกือบทุกเมือง และ59 จังหวัด มีสถานีถ่ายทอดเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นทั้งโทรทัศน์และวิทยุเช่น สถานีโทรทัศน์และวิทยุ Hà Nội ได้ถ่ายทอดสดทางวิทยุตั้งแต่ปี 1954 และ มีสถานีโทรทัศน์เพียงช่องเดียว ในปี 1975 ส่วนโทรทัศน์และวิทยุHải Phòng โดยเริ่มกระจายเสียงเริ่มต้นจากจากวิทยุในปี 1956 ต่อมาก็เป็นโทรทัศน์ในปี 1975


ส่วนสถานีที่ก่อตั้งโดยคนอเมริกันมาก่อนปี1975 ส่วนมากจะอยู่ทางตอนใต้ เช่นสถานีโทรทัศน์Hồ Chí Minh City (HTV) เป็นสถานียุคเริ่มต้นของเวียตนามใต้ในนามของTruyền hình Việt Nam (THVN) ซึ่งได้ถ่ายทอดสองช่องคือ HTV7 และHTV9ครอบคลุมสัญญานรอบเมืองโฮจิมินห์และพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำโขง นอกนั้นยังมีสถานีท้องถิ่นที่เกิดในยุคเดียวกันเช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์Cần Thơ ,สถานีโทรทัศน์Đà Nẵng, สถานีโทรทัศน์Huế และสถานีวิทยุโทรทัศน์ Thừa Thiên Huế
จวบจนปัจจุบัน VTV และ HTV มีโรงถ่ายหนังและสตูดิโอถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ตามสัญญาแล้วแต่จะจ้างทั้งหนัง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ บันเทิง แต่ส่วนมากรายการทีวี หนังและหนังชุด จะเป็นของ Việt Nam Television Film Centre (VFC) และHồ Chí Minh City Television Film Studio (TFS) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากต่างประเทศ มีเพียง 30%จะเป็นรายการและหนังจากท้องถิ่นภายในประเทศ รายการและหนังนำเข้าจะแปลเสียงสำเนียงเวียตนามทับซ้อนลงไป(จะไม่ได้พากย์หนังอย่างบ้านเรา) เมื่อไม่นานนี้ได้มีหนังเกาหลี หนังจีน ละครโอเปร่า ได้กลายมาเป็นรายการบันเทิงยอดนิยมในช่วงเวลากลางคืนของช่อง VTV3

ส่วนรายการเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดในช่อง VTV1 นั้น จะถ่ายทอดสดโอเปร่าและเทปบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตโรงละคร รวมทั้งวัฒนธรรมการแสดงท้องถิ่นของชนกลุ่มน้อย ศิลปะ ปรัชญา งานเขียน ทั้งของในและต่างประเทศ

ตั้งแต่ปี 1991 โรงแรม ร้านอาหารภัตตาคาร คลับ หน่วยงานราชการ และองค์กรต่างๆ ในเวียตนามเอง ได้อนุญาตให้ติดตั้งจานดาวเทียมได้ จึงทำให้ได้รับข่าวสารต่างประเทศมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Star TV (ฮ่องกง)และ UBC (ไทย) ผมเองก็ได้รับชมUBCเช่นกัน ในครั้งที่ไปทำงานในปี 2003 แต่เฉพาะช่วงที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยครับ ส่วนในโรงแรมPhuongNam ก็เป็นรายการเคเบิ้ลท้องถิ่น ส่วนมากดูไม่ค่อยรู้เรื่องเป็นภาษาเวียตนาม บ้านเพื่อนผมThuy ใช้บริการทีวีเคเบิ้ลต่างประเทศ ภาพคมทีเดียวแต่เป็นภาษาเวียตนามฟังไม่รู้เรื่องได้แต่นั่งดูภาพเดาเอา

ปี 2001 ทั้งสองสถานีหลักจึงได้ขยายเครือข่ายเป็นหลายช่องสถานีเคเบิ้ล อาทิ
-Việt Nam Cable Television (Hãng Truyền hình Cáp Việt Nam, VCTV) ที่เมือง Hà Nội -Saigon Tourist Cable Television (Hãng Truyền hình Cáp Saigon Tourist, SCTV) ที่เมือง Hồ Chí Minh City
โดยทั้งสองสถานีได้นำรายการยอดนิยมจากต่างประเทศ เช่นCNN, BBC World, TV5, ESPN ,Discovery Channel,MTV Asia, Star Movies, Star World, HBO, Cinemax, Cartoon Network และTCM ปัจจุบันนี้มีหลายสถานีได้ถ่ายทอดผ่านระบบดิจิตอลโดยมีสองสถานีทางภาคใต้ คือ Hồ Chí Minh City Television Station (HTV) และสถานีวิทยุโทรทัศน์ Bình Dương เป็นสถานีริเริ่ม

VTVเองเป็นสมาชิกของAsia Pacific Broadcasting Union (ABU), Asia Pacific Institute for Broadcasting Development (AIBD) ความร่วมมืออื่นๆกับ Asian Institute for International Communication Exchange, the International Council for Francophone Radio and Television, UNICEF และ UNESCO

ทางBlogผมเองก็ได้ลิงค์มาจากVTC เพื่อทดสอบการใช้งาน ทั้งแบบย่อและเต็มจอได้ ผมเองชอบแบบflashมากกว่าดูได้ค่อนข้างดี เพื่อนๆมีวิธีการทำให้ดูได้ราบรื่นกว่านี้ลองเสนอมานะครับ


ที่มา: tv.vietnamwebsite.net,www.culturalprofiles.net, en.wikipedia.org/wiki/Media_of_Vietnam

Tuesday, July 15, 2008

Vietnamese Singer

นักร้อง หรือca sĩ =กา สี ในวันนี้ขอนำเอาประวัติของนักร้องชาวปักษ์ใต้ดินแดนบั๊นหมี่ไซ่ง่อน(ขนมปัง) ที่ผมนิยมชมชอบ(...ในใจ) ตัวเล็ก น่ารัก อย่างเด็กใต้คนนี้เธอชื่อว่า Cẩm Ly(ก่ำ ลี) ชื่อเต็มคือ Trần Thị Cẩm Ly(จ่าง ถิ ก่ำ ลี) เกิดวันที่ 30 มีนาคม ที่เวียตนาม ร้องเพลงได้หลายแนวแต่ส่วนมากจะร้องเพลงสไตล์ลูกทุ่ง ถ้าคุณได้เห็นเธอ คุณต้องคิดเหมือนผมว่า เธอเป็นดั่งsymbolic ของสาวสาวเวียตนามอย่างไม่น่าปฏิเสธ

เธอเคยออกอัลบั้มเพลงมาแล้ว 3 อัลบั้ม คือNhạc nhẹ,Nhạc trữ tình,Âm hưởng dân ca เข้าสู่วงการจากการสมัครเข้าเป็นนักร้องสมัครเล่นกับค่ายเพลงKim Lợi studio ตั้งแตปี 1990 เป็นต้นมา

จนเริ่มเมื่อเธอได้ร้องเพลงคู่กับนักร้องชายMinh Tuyết ที่โรงแสดงHòa Bình ปี 1993 เธอจึงได้เริ่มเซ็นต์สัญญาร้องเพลงกับKim Lợi studio อย่างเต็มตัว และนักร้องเพลงคู่กับMinh Tuyết ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเป็นเพลงคู่ก็ต้องได้เห็นภาพของMinh Tuyết และ Cẩm Ly ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง Kim Lợi studio ได้นำเสนอออกมา

จนกระทั่งMinh Tuyết ไปเรียนต่ออเมริกาปี 1997 เธอจึงได้ห่างหายไปจากวงการด้วยปัญหาด้านสุขภาพ จนกระทั่งปี 1998 จึงได้หวนกลับเข้าสู่วงการโดยการออกอัลบั้มพรวดเดียวซ้อนถึงสองอัลบั้มด้วยกันกับนักร้องชายCảnh Hàn ในปี 1999 และเป็นปีแรกที่ได้ร้องเพลงคู่กับนักร้องĐan Trường เป็นครั้งแรก ครั้งนั้นเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ในเดือนกรกฏาคม ปี 2001 เธอเป็นนักร้องคนแรกของเวียตนามที่ทำอัลบั้มลงแผ่นDVD และได้ร่วมทำงานเพลงอย่างอิสระเหมือนอย่างนักร้องĐan Trường ในขณะที่ยังสังกัดอยู่กับKim Lợi studio

เธอยังเป็นนักร้องคนแรกที่ทำรายการสดชื่อ"Vòng Quanh Ký Túc Xá"เพื่อช่วยเหลือค่าเทอมให้นักเรียนนักศึกษา โดยจัดการประกวดแข่งขันการแสดงความสามารถในการร้องเพลงมากว่าสองปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2003,2004 อันนี้คล้ายผมแต่โดยมากผมจะช่วยจ่ายค่าเทอมน้องๆแถวคาราโอเกะ น่ะ ฮ่า.... ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอยังกวาดรางวัลใหญ่จากหลายรายการอาทิ รางวัลนักร้องดีเด่นจากรายการLàn Sóng Xanh,รายการ VTV Bài hát tôi yêu,รายการMai Vàng ประจำปี 2005 และติดอันดับ 10 นักร้องยอด นิยมขวัญใจประชาชนสูงสุดของรายการLàn Sóng Xanh

จำได้ว่าตอนนั้นผมยังทำงานอยู่ที่นั่น ได้ฟังเพลงเธอค่อนข้างบ่อยแต่ร้องไม่ได้อ่ะนะ ผมเองก็มัวแต่ไปร้องเพลงของนายUng Hoang Phuc จีบสาวสาวแถวคาราโอเกะคงได้รางวัลเป็นหอมแก้มหลายฟอด ฮ่า... เล่าเลยมาไกลอีกแล้ว คราวนี้คุณลองมาฟังเพลงของเธอดูสิครับ

เพลง Chiếc khăn tay(จิ๊ก กัน ไต=ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย)




ที่มา:Nhacso.net,Vietmembers


Monday, July 14, 2008

Lottery Vietnam Episode II

xổ số หรือ vé số=เว้ โซ้ หวยเวียตนาม เป็นภาคต่อจาก บทความที่เคยเล่ามาแล้ว ตอนที่http://www.geocities.com/inrudee/oldnews.htm วันที่ 13 กันยายน 2549 คงขอเสริมเพิ่มเติม หวยที่นั่นถ้าใครที่ออกไปทานข้าวนอกบ้านก็คงเจอบ่อย และคงมีบ้างที่เคยอุดหนุน เพราะตื้อขายกันสุดๆ บางคนคงอยากทราบว่า รางวัลเยอะหรือเปล่า? ลองติดตามดูนะครับ

อันดับแรกขอยกตัวอย่างงวดที่ออก วันที่ 12 กรกฎาคม 2551 เมืองโฮจิมินห์ มีการออก รางวัลครั้งที่ 7B-07 เลขเจ็ดบอกให้รู้ว่าเดือนเจ็ด ส่วน B-07 น่าจะเป็นครั้งที่ของงวดเดือน อันนี้เดาเอา หวยเขาออกทุกเจ็ดวันโดยปกติ แต่เมืองนี้จะมีสองวันต่อสัปดาห์ ดังนั้นในสัปดาห์ คือออกทุกวันเสาร์และวันจันทร์ อย่าง 12 นี้เป็นวันเสาร์ วันที่ 14 เป็นวันจันทร์ก็จะออกหวยอีก เป็นรางวัลครั้งที่ 7C-2 อย่างจันทร์สัปดาห์ก่อนเป็นรางวัลครั้งที่ 7B-2 หวยอีกที่หนึ่งที่ออกแปลกกว่าเมืองอื่นคือออกรางวัลทุกวันคือหวย Xổ số Miền Bắc (หวยเมืองเหนือ)การให้รางวัลก็แตกต่างกันไป


ผมขอเรียงรายชื่อเมืองที่ออกขายหวยตามนี้นะครับ โดยขอแบ่งเป็นกลุ่มการให้รางวัลนะครับส่วนวันออกดูตามในวงเล็บดังนี้
กลุ่มที่1
TP HCM(เสาร์,จันทร์),Cà Mau(จันทร์) ,Đồng Tháp(จันทร์),Đồng Tháp(จันทร์),Kiên Giang(อาทิตย์) ,Đà Lạt(อาทิตย์),Tiền Giang(อาทิตย์),Bình Phước(เสาร์) , Long An(เสาร์),Trà Vinh(ศุกร์) ,Bình Dương(ศุกร์),Vĩnh Long(ศุกร์) ,Bình Thuận(พฤหัสบดี) ,Tây Ninh(พฤหัสบดี) ,An Giang(พฤหัสบดี) ,Đồng Nai
(พุธ),Đà Nẳng(พุธ) ,Sóc Trăng(พุธ) ,Cần Thơ (พุธ),Vũng Tàu(อังคาร) ,Bến Tre(อังคาร) ,Bạc Liêu(อังคาร) ออกรางวัลระดับเรียงกันคือ

เลขท้ายสองรางวัลละ 50.000 ด่อง
เลขท้ายสามตัวรางวัลละ 100.000 ด่อง
เลขท้ายสี่ตัว สามรางวัล รางวัลละ 200.000 ด่อง
เลขท้ายสี่ตัว หนึ่งรางวัล รางวัลละ 500.000 ด่อง
เลขท้ายห้าตัว เจ็ดรางวัล รางวัลละ 1.500.000 ด่อง
เลขท้ายห้าตัว สองรางวัล รางวัลละ 5.000.000 ด่อง
เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัล รางวัลละ 8.000.000 ด่อง
เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัล รางวัลละ 12.000.000 ด่อง
เลขท้ายห้าตัวรางวัลพิเศษ รางวัลละเท่าไหร่ไม่รู้นะ หากถูกรางวัลคงสองสามเท่าจากรางวัลที่ได้กระมัง
กลุ่มที่2
Huế(จันทร์),Phú Yên(จันทร์) ,Kontum(อาทิตย์),Khánh Hòa(พุธ,อาทิตย์),Đà Nẳng(เสาร์),Quảng Ngải (เสาร์),Hậu Giang(เสาร์) ,Đắc Nông (เสาร์),Gia Lai(ศุกร์),Ninh Thuận(ศุกร์) ,Bình Định(พฤหัสบดี) ,Quảng Bình(พฤหัสบดี) ,Quảng Trị (พฤหัสบดี),Đaklak(อังคาร),Quảng Nam (อังคาร)
ออกรางวัลระดับเรียงกันคือ

รางวัลที่แปด เลขท้ายสองตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลที่เจ็ด เลขท้ายสามตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลที่หก เลขท้ายสี่ตัว สามรางวัล
รางวัลที่ห้า เลขท้ายสี่ตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลที่สี่ เลขท้ายห้าตัว เจ็ดรางวัล
รางวัลที่สาม เลขท้ายห้าตัว สองรางวัล
รางวัลที่สอง เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลที่หนึ่ง เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลพิเศษสุดสุด เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัลกลุ่มนี้ให้รางวัลเท่าไหร่ไม่ทราบครับ

กลุ่มที่3
Xổ số Miền Bắc(ออกทุกวัน)
โดยออกรางวัลระดับเรียงกันคือ

รางวัลที่เจ็ด เลขท้ายสองตัว สี่รางวัล
รางวัลที่หก เลขท้ายสามตัว สามรางวัล
รางวัลที่ห้า เลขท้ายสี่ตัว หกรางวัล
รางวัลที่สี่ เลขท้ายสี่ตัว สี่รางวัล
รางวัลที่สาม เลขท้ายห้าตัว หกรางวัล
รางวัลที่สอง เลขท้ายห้าตัว สองรางวัล
รางวัลที่หนึ่ง เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัล
รางวัลพิเศษสุดสุด เลขท้ายห้าตัว หนึ่งรางวัลกลุ่มนี้ให้รางวัลเท่าไหร่ไม่ทราบอีกเช่นกันครับ

หวังว่าคงเป็นแนวทางให้พอเข้าใจระบบหวยเวียตนามพอคร่าวๆ นะครับ คงไม่อยากให้จริงจังกันมาก ทำงานเก็บตังค์จะดีกว่าไปซื้อหวยหวังรวย ขอสนับสนุนคนขยันตั้งใจทำงานอย่างนี้รวยแน่นอน
ที่มา:Vietmembers,www.xosobinhduong.com.vn

ดินแดนแห่งต้นมะพร้าว

Dừa เหยื่อ หรือมะพร้าว มีมากใน เขตQuoi Anซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำโขง จ.Ben Tre มีผลิตภัณฑ์เลื่องชื่อที่ทำจากต้นมะพร้าวหลายๆอย่างด้วยกัน
จากท่าเทียบเรือศูนย์ท่องเที่ยวPhong Phu เดินทางโดยเรือ12ที่นั่งของบริษัทBen Tre Tourism ผ่านทิวร่มไม้ พุ่มไม้ เลียบไปตามคลองMieu ประมาณ 100 เมตรก็จะถึงแม่น้ำTien ที่มีกระแสน้ำและคลื่นลมซัด พาให้เรือท่องเที่ยวพาทุกคนค่อยๆไปยังดินแดนแห่งดงมะพร้าว

ในขณะที่เรือเคลื่อนที่ไปทางทะเลด้านตะวันออกนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของเมืองMy Tho(หมี ทอ)ทางด้านซ้ายมือ ลมทะเลสงบลงทันทีที่เรือเลี้ยวขวาเข้าสู่คลอง Xep ผ่านดงต้นไทรสองข้างทาง ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงกิ่งที่เรี่ยรายบางส่วนติดกับผิวน้ำ คลื่นเรือที่กระทบทำให้ดอกของมันปลิวไปตามลม


จนกระทั่งเรือมาเทียบท่าที่ Quoi An Eco-Tourist อำเภอChauThanh จังหวัดBen Tre นักท่องเที่ยวต้องเดินไปตามดงต้นลางสาดตลอดแนวถนน หลังจากเที่ยวชมผลไม้ ก็แวะเข้าบ้านรับรองที่Quoi An

นางTran Thi Thu อายุ 40ปีกล่าวว่าเธอเคยเป็นไกด์ท่องเที่ยวกว่า20ปี เมื่อสองปีที่ผ่านมาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวกว่า 2,000 ตร.ม. ที่Quoi An มีชื่อเสียงเรื่องบ้านไม้มะพร้าวซึ่งเป็นความภูมิใจของคนBen Tre(เบ่น แจ๋) ไม่ว่าจะหลังคาที่มุงด้วยทางมะพร้าว ผนังพื้น ประตูหน้าต่างล้วนใช้ทำมาจากไม้มะพร้าว ฐานรองรับบ้านก็มาจากต้นมะพร้าว ที่ดูสะดุดตาก็เป็นรางระบายน้ำที่ทำจากแผ่นไม้มะพร้าว งานไม้มะพร้าวเฟอร์นิเจอร์ล้วนทำจากช่างไม้ฝีมือ

ร้านขายของที่ระลึกที่Quoi Anเป็นทรงแปดเหลี่ยมสินค้าบริการมากมายที่ทำจากมะพร้าว มีโรงงานผลิตของที่ระลึกพื้นที่กว่า 100 ตร.ม. 8 เครื่องจักร 6 ช่างไม้ งานไม้มะพร้าวที่ทำได้มีกว่า 200 แบบ ผลิตจากต้นมะพร้าว40ต้นอายุกว่า 30ปีซึ่งจะถูกจัดแสดงให้ชมได้ที่ nha bat dan(หย่า บัด ด่าน=พิพิธภัณฑ์) เป็นเรือนไม้ทำจากมะพร้าวเช่นเดียวกัน ใกล้กันก็จะมีบ้านลักษณะเดียวกัน โดยการเลือกใช้ไม้นั้นต้องอายุกว่า30ปีลำต้นตรงมีตำหนิน้อย

มีคนงานสองคนทำงานที่ห้องแสดงเย็บปักถักร้อย Nguyen Thi Mai เธออายุ 20 ปี รายได้ 600,000 ด่อง(1,556 บาท) แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็พอเพียงกับชีวิตบ้านนอก ชิ้นงานที่ขายราคาก็แล้วแต่ชนิด อย่างผ้าทอมือ 1.7 ม.x3.0 ม. ราคา 1.500.000 ด่อง(2,890 บาท) งานเย็บปักรูป ชิ้นละ 300.000 ด่อง(578 บาท) เสื้อปักลายมังกร ตัวละ 90.000 ด่อง(173 บาท) ผ้าเช็ดหน้าผืนละ 20.000-45.000ด่อง(39-87 บาท) กระเป๋าปักลายใบละ 60.000-250.000ด่อง(118-482 บาท)

เรือนใหญ่มีบริการเครื่องดื่มเป็นที่น่าดึงดูดใจของชาวยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี กินผลไม้สด ดื่มชาน้ำผึ้งไม่ว่าจะเป็นแบบร้อน เย็น ผสมมะนาวหรือมะพร้าว ตามที่ชื่นชอบ

ผึ้งจะเก็บน้ำหวานตามสวนลางสาด แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ใช่ฤดูดอกลางสาด แต่มีผลไม้อื่นที่ออกดอกให้มันเก็บเกี่ยวมากมาย สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องนำติดมือกลับเสมออย่างงานไม้ฝีมือ น้ำผึ้ง งานปักเย็บ

คุณ Thu กล่าวว่าช่วงที่นอกฤดูท่องเที่ยว ที่Quoi An จะมีคนมาเที่ยว กว่า 100คนต่อวัน ช่วงเปิดฤดู ก็รับคนมาเที่ยวจนแทบไม่ไหว จนต้องเพิ่มอาคารบริการเครื่องดื่ม คนต่างชาติต่างชื่นชอบความเงียบสงบที่นี่มาก จนเราคงต้องสร้างบ้านพัก และส่วนรองรับอื่นๆเพิ่มขึ้น
ที่มา:The Saigon Times Weekly

Saturday, March 15, 2008

จอมพลรัฐบุรุษแห่งแดนใต้

นายพลเล วัง ยุด Le Van Duyet (1763-1832) ผู้เป็นรัฐบุรุษปกป้องเอกราชเวียตนามใต้ ปัจจุบันสุสานเขาตั้งอยู่ที่เขตBinh Thanh ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในกรุงไซง่อน

นอกจาก ตลาดBen Thanh ,อาคารรัฐสภา(the Reunification Palace),โบสถ์จั่วบา,ที่ทำการไปรษณีย์และโรงมหรสพแห่งชาติ(The City Opera House) แล้วยังมีอีกที่หนึ่งที่สำคัญไม่น้อยทีเดียวคือวัด Lang Ong Ba Chieu ซึ่งเป็นสุสานประจำตระกูลของรัฐบุรุษเล วัง ยุด ถูกสร้างในศตวรรษที่ 19 โดยเป็นที่ที่หลงเหลืออยู่ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไซง่อน

ชื่อของวัดมีที่มาของการเล่นคำที่น่าสนใจกล่าวคือLang Ôngเป็นคำในภาษาเวียตนามแปลว่าวัดของสุภาพบุรุษ มาผสมคำกับ Bà Chiuที่มีความหมายถึงท่านผู้หญิงChiu ทำให้มีความหมายโดยรวมทั้งสองเพศ คือเป็นวัดของสุภาพบุรุษในเขตของท่านผู้หญิงChiu(วัดอยู่ติดกับตลาดBà Chiu)

นายพลเล วัง ยุด เป็นผู้นำชาติคนสำคัญในยุคของราชวงศ์Nguyen เขามีส่วนสำคัญในการรักษาอำนาจอธิปไตยสูงสุดในเวียตนามใต้ ซึ่งเคยเป็นดินแดนที่ถูกทอดทิ้งมานาน เป็นบุตรชายของบุคคลสำคัญที่อพยพมาจากภาคกลาง จ.Quang Ngai โดยได้ย้ายลงมาตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้ ซึ่งปัจจุบันก็คือ จ.Tien Giang บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงนั่นเอง

ปลาย ศตวรรษที่ 18 พระเจ้าNguyen Anh ถูกโจมตี โดยกองกำลังกบฎTay Son จนต้องหลบหนีมาพักกับคนในตระกูลยุด จนเมื่อเขาอายุได้ 17 ปี จึงได้เป็นขันทีรับใช้ พระเจ้าNguyen Anh หลังจากนั้นกองกำลังทหารNguyen ได้มีชัยเหนือกองกำลังกบฎTay Son พระเจ้าNguyen Anh จึงได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ Gia Long(ยา ลอง) ในปี ค.ศ. 1802 โดยที่ตัวเขาเหมือนได้รับโชคสองชั้นได้รับการพระราชทานตำแหน่งให้เป็นผู้สำเร็จราชการ Gia Dinh (คำว่าGia Dinh ยาดิ่น=ครอบครัว เป็นที่รู้กันในตอนนั้นว่าหมายถึงเวียตนามใต้ )

ในช่วงตลอดชีวิต เขาคือสุดยอดนายพล ได้ทำการปราบกบฎภายในประเทศและผู้รุกรานจากนอกประเทศ ด้วยการประสบความสำเร็จในกองทัพ เขาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายพล นอกจากเขาจะไม่สนับสนุนการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์Minh Mang เขายังปล่อยให้มีมิชชันนารีเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์จากฝรั่งเศส รวมทั้งเปิดการค้าขายในราชอาณาจักรแก่พ่อค้าชาวจีน โดยไม่เกรงกลัวต่อการถอดยศ จนทำให้ไม่เป็นที่พอใจต่อกษัตริย์Minh Mang เป็นอย่างมาก

หลังจากถึงแก่อนิจกรรมของเขาในปี ค.ศ.1832 บุตรชายบุญธรรม Le Van Khoi ได้ทำการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์Minh Mang แต่ก็ได้ถูกจับกุมและฆ่าตายเสียก่อน เพื่อเป็นการตัดไม้ข่มนามไม่ให้เกิดการก่อกลุ่มพันธมิตรของKhoi ในปี ค.ศ.1835 กษัตริย์Minh Mang จึงเข้ารื้อถอนสุสานของนายพลเล วัง ยุด และเอาโซ่ล้อมไว้ จนกระทั่ง 6 ปีต่อมา กษัตริย์Thieu Tri(ผู้สืบราชวงศ์ต่อจากกษัตริย์Minh Mang)ได้ทำการเอาโซ่นั้นออก และทำการบูรณะสุสานใหม่ จนมาถึงรัชสมัยของกษัตริย์Tu Duc(โอรสกษัตริย์Thieu Tri )จึงได้ทำการสร้างวัดล้อมรอบบริเวณนี้ขึ้นมา

สถานที่อย่างเป็นทางการของวัดคือ 126 ถนน Dinh Tien Hoang เขตBinh Thanh วัดนี้มีถนนสี่เส้นล้อมรอบคือDinh Tien Hoang, Phan Dang Luu,Trinh Hoai Duc และ Vu Tung นักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งกล่าวว่าวัดแห่งนี้มีทำเลที่ดีตามตำราฮวงจุ้ยคือมีพื้นที่ลาดลงไปยังสะพานBong(สู่แม่น้ำ)

บนพื้นที่วัดกว่า 18,500 ตร.ม. นั้นมีประตูเข้าออกสี่ทิศ รั้วล้อมสี่ด้านยาวกว่า 500 ม.ทางเข้าหลักออกสู่ถนนVu Tungด้านใต้ อีกสามประตูเป็นลักษณะการก่อสร้างตามแบบอย่างโบราณของเวียตนามใต้(Gia Dinh)
ภายในตัววัดจะมีแผ่นหินจารึก สุสาน และที่สักการะบูชา สิ่งของนิทรรศการที่แสดงรูปของนายพลเล วัง ยุดและของใช้ส่วนตัวบางส่วน

โดยทั่วไป สถาปัตยกรรมเป็นรูปแบบผสมของโบสถ์ที่ Hue และวังเก่า มาผสมผสานกัน แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่ยังคงถกเถียงกัน เกี่ยวกับชีวประวัติของนายพลเล วัง ยุด โดยผู้เขียนหนังสือ Hoi Dap Ve Sai Gon-Thanh Pho Ho Chi Minh (FAQ About Saigon-HCM City) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า บางสถานศึกษายกย่องเขาเป็นวีรบุรุษและยอดนายพล ผู้เสียสละทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยปกป้องเวียตนามใต้ บางที่ก็กล่าวว่าเขาใช้อำนาจไปในทางที่ผิด และเป็นพวกสนับสนุนฝรั่งเศส

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ เขาเป็นสร้างบรรทัดฐานของการเปิดดินแดนการค้าเสรีขึ้นในภูมิภาคนี้ ภายใต้การมองการณ์ไกล ทำให้เวียตนามใต้พัฒนาเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาเป็นที่นับถือของชาวใต้เสมอมาจวบจนปัจจุบัน ดังนั้นในช่วงฉลองเทศการปีใหม่ของชาวเวียตนาม(Tet) ทุกปี จะมีผู้คนไปท่องเที่ยวที่วัดนี้จำนวนมากมาย เพื่อแสดงความรำลึกถึงเขา ขอพร ขอความสุข และสุขภาพที่ดี ยังไงก็ลองไปดูนะครับ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

จาก Quynh Thu,The Saigon Times Weekly

Saturday, March 8, 2008

นึก จ๊ำ น้ำจิ้มสูตรเวียตนาม

Nước chấm เป็นน้ำจิ้มไสต์เวียตนามที่พบเห็นได้บ่อยบนโต๊ะอาหาร เหมือนซอสน้ำจิ้มบ๊วยที่เหลวใสเกือบเหมือนน้ำสีส้มเข้ม โดยที่เราเองก็สามารถปรุงได้ที่บ้าน ลองดูนะครับ น้ำจิ้มมีส่วนประกอบเครื่องปรุงดังนี้

-น้ำมะนาว 1 ส่วน ใช้น้ำส้มสายชูแทนก็ได้หรือน้ำมะขามก็ดีจะอมหวานด้วย สีอาจเทาบางคนไม่ชอบ
-น้ำปลา 1 ส่วน
-น้ำตาล 1 ส่วน
-น้ำสะอาด 2

ส่วนบางคนชอบเติมกระเทียมสับ พริกสดทุบพอแหลกเอาเม็ดออก เพิ่มผงชูรส แครอทฝานเป็นเส้นๆ ฯลฯ ปกติจะอุ่นน้ำผสมน้ำตาล ให้ละลายก่อน รอให้เย็นลงจึงปรุงส่วนผสมลงไป เปรี้ยวหวานมันเค็มแล้วแต่คนชอบ สูตรไม่ตายตัว ทั่วไปจะเน้นรสหวานแหลมนำเปรี้ยวจี๊ด เผ็ดรองลงมา โดยนำมากินกับอาหารดังนี้
-ข้าวเกรียบ (Cơm tấm เกิม ตั๊ม) อันนี้บ้านเรามี
-ปอเปี๊ยทอด(Chả giò จ๋า หย่อ) อันนี้บ้านเรามี
-ก๋วยเตี๋ยวหลอด(Gỏi cuốn ก๋อย ก้วน) อันนี้บ้านเรามี
-ขนมกระเบื้องญวน(Bánh Xèo บั๊น แซ่ว) แผ่นแป้งทอดปรุงใส่น้ำกะทิ คล้ายหอยทอดบ้านเรา ใส่กุ้ง หมู ถั่วลิสงบด เป็นแผ่นแป้งเหลืองกลมพับครึ่งเวลาเสิร์ฟ ขอเรียกว่า พิชซ่าถาดเวียตนาม แล้วกัน
-ก๊วยเตี๋ยวญวนคลุกขลิก(Bánh hõi บั๊น ฮอย) เทียบได้กับข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเราแต่ไม่ใส่ไส้ ทำจากแป้งข้าวเจ้าคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดหลายแผ่น วางซ้อนพอคำ เพื่อไม่ให้แผ่นแป้งติดกันเป็นก้อนจึงใส่น้ำมัน และหอมเจียว ใส่เนื้อหมูแผ่น เติมน้ำจิ้มลงไปคลุกเคล้าแห้งๆ
ที่มา: Wikipedia

Friday, March 7, 2008

ระบบการปกครอง และการบริหารท้องถิ่นเมืองโฮจิมินห์ซิตี้

Hồ Chí Minh City จัดโครงสร้างการปกครองเป็นระบบเทศบาลเมืองเหมือนกับจังหวัดอื่นๆในเวียตนาม สภาเทศบาลประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้งจำนวน 95 ท่าน และวุฒิสมาชิกที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ 13 ท่าน ประธานสภาผู้แทนจะดำรงตำแหน่งประธานบริหารเกี่ยวกับงานราชการ ส่วนเลขาธิการวุฒิสมาชิกจะดำรงตำแหน่งประธานผู้บริหารจัดการเทศบาล นับว่าแปลกแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีเพียงตำแหน่งนายกเทศมนตรีหนึ่งเดียวเท่านั้น ในการเป็นประธานบริหารจัดการ เหมือนอย่างในบ้านเราเป็นต้น

พรรคคอมมิวนิสต์(The Communist Party of Vietnam -CPV) จะเป็นผู้กำหนดนโยบาย ทางการปกครอง เศรษฐกิจ กิจกรรมทางสังคม ดังนั้น เลขาธิการวุฒิสมาชิกเมืองโฮจิมินห์(CPV HCMC Committee Secretary)จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของเทศบาล

เทศบาลเมืองแบ่งการบริหารออกเป็นอำเภอและตำบลรวม 24 เขต(ตุลาคม ปี 2003) เขตตำบลจะมีเพียง 5 เขต(พื้นที่ราว 1,601 ตร.กม.)โดยได้ถูกจัดให้เป็นเทศบาลตำบล(="Huyện" เฮวี่ยน ในภาษาเวียตนาม) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมรอบเมือง โดยยังอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลเมือง อันประกอบไปด้วยตำบลNhà Bè, Cần Giờ, Hóc Môn, Củ Chi และ Bình Chánh ส่วนที่เหลือ 19 เขตเป็นอำเภอ(พื้นที่ 494 ตร.กม.) อยู่ในเขตเทศบาลเมือง(="Quận" ก่วง ในภาษาเวียตนาม) ตั้งแต่เขต 1ถึง 12 รวมกับอีก 7 เขตที่เป็นเทศบาลเมืองตอนในคือ Tân Bình, Bình Thạnh, Phú Nhuận, Thủ Dức, Bình Tân, Tân Phú และGò Vấp ในแต่ละอำเภอเทศบาลเมืองตอนใน ยังซอยย่อยเป็นหลายๆตำบล(="Phường" เฟิง) ส่วนเทศบาลตำบลรอบนอกก็ซอยย่อยเป็น คอมมูนหรือนิคมสร้างตนเอง(="Xã" สา) และหมู่บ้าน(="Thị trấn" ถิ จั้น) ปัจจุบัน ปี 2006 เมืองโฮจิมินห์ มี 254 ตำบล 58 นิคม 5 หมู่บ้าน