หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Education (5) Entertainment (5) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (16) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Saturday, June 16, 2007

Ao Dai Nation Custom Part I

คงเป็นที่ทราบกันแล้วว่าชุดประจำชาติของเวียตนาม ที่เรียกว่า เอ้า หย่าย หรือ เอ้า ซ่าย ออกตามสำเนียงภาคเหนือ จริงแล้วเป็นชุดที่ดัดแปลงประยุกต์ใช้กันเมื่อไม่นานมานี้ บางคนอาจเห็นว่ามีการสวมใส่หมวกเป็นรูปวงรีสีเข้ากับชุดซึ่งนิยมใส่กันมาตั้งแต่ราชวงศ์Nguyen(ภาคกลาง) เรียกหมวกนั้นว่า Khan Dong=กัน ดอม

ชุดเอ้า หย่ายได้เริ่มมีพัฒนาการเมื่อต้นปี คศ.1700 สมัยที่ยังตกเป็นเมืองขึ้นของจีน ราชวงศ์ชิง ซึ่งยังเรียกชุดดังกล่าวว่า กี่เพ้า เป็นชุดต้นกำเนิด โดยผ่านการดัดแปลงรูปแบบใช้งานมากว่าร้อยปี คิดว่าสมัยนั้นคงต้องการแยกแยะว่าเป็นคนเผ่าไหนเพราะแท้จริงแล้วคนเวียตรูปลักษณ์ไม่ได้ต่างจากคนจีนหรือชาวเขาเผ่าอื่นๆ จึงมีการดัดแปลงการแต่งกายเพื่อระบุกลุ่มให้กับพวกตนเอง จะว่าไปก็เป็นการสร้างวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม แต่มาจากพื้นฐานเดียวกัน โดยชุดยังคงเป็นกระโปรงยาวผ่าสองข้าง ทรงกระบอกสูงรัดรูปพอดีตัวมีคอปกชุดจะคลุมกางเกงผ้าไหมขายาว ต่างกับกี่เผ้าต้นกำเนิดที่จะใส่อย่างหลวมๆ แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์เวียตนามที่เห็นแตกต่างกันออกไป โดยรายละเอียดคงไว้เล่าในคราวต่อไป

Saturday, June 9, 2007

MAFIA VIETNAM

เมื่อปี 2006 ตอนนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลนายนายกชวน(นายก=ถู ตื้ง)ก็เป็นช่วงรัฐบาลของ ถูตื้งทักษิณซึ่งเป็นช่วงที่มีการปรามปราบยาบ้า(ยาบ้า=มา ตุ๊ย)มีการฆ่าตัดตอนและวิสามัญฆาตกรรมกัน ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อฮก เรียนเก่งจบลาดกระบัง ถูกจับติดคุกลาดยาว ดีที่เพื่อนๆช่วยไว้ ไม่งั้นก็ไม่รอด(ตาย=เจ๊ท) ดังนั้นการไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางของอบายมุข ยังคงเป็นสัจธรรมที่ควรต้องปฏิบัติกว่า 2550 ปี การคบคนดีและสนับสนุนจึงควรทำ ขอยืมดำรัสในหลวงที่ว่า "ให้คนดีปกครองบ้านเมือง"ก็คงเป็นสัจธรรมเสมอ


ในขณะที่ผมเดินทางไปถึงที่นั่นใหม่ๆ เราก็ชอบสั่งน้ำส้มมาเสมอ(น้ำส้ม=นึก กาม) เพราะเราไม่นิยมดื่มน้ำซาสี่(กลิ่นคล้ายเบนโล)เว้นแต่ไม่มีอะไรให้ดื่ม แต่เรามักล้อกันว่าเวลาถามว่าดื่มน้ำอะไร เราเลยสั่งเอา "น้ำ กาม" ซึ่งเพื่อนvietnam ค่อนข้างวิตกกระซิบบอกเราว่าอย่าพูดอีก เพราะว่า นำ-กาม เป็นชื่อของมาเฟียขาใหญ่ของเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเรื่องนี้คนที่นั่นรู้รายละเอียดแต่พูดอะไรไม่ได้ นำกามคนนี้และลูกสมุนนับสิบถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าทั้งหมด โดยสาเหตุมาจากกลุ่มของเขาฆาตกรรมนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรท่านหนึ่ง ประกอบกับเรื่องโกงกินและคอรัปชั่น ระหว่างกลุ่มมาเฟียและตำรวจ(ตำรวจ=กอม อาง)ที่นั่นกันอย่างกว้างขวาง และกระแสจากวิสามัญฆาตกรรมจากถูตื้งทักษิณ ทำให้มีการสร้างภาพกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลที่โฮจิมินห์ กลุ่มอิทธิพลมีตั้งแต่ข้าราชการ ตำรวจสัญญาบัตร ประทวน จราจร เทศกิจ การเก็บค่าจอดมอเตอร์ไซต์(ครั้งละสองพันด่อง)และรถยนต์ตามถนนสาธารณะ(ครั้งละหมื่นด่องถึงสามหมื่นด่อง)ซึ่งก็คงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา แต่เป็นเรื่องที่คนvietnamรู้แต่พูดไม่ได้ ส่วนค่าพิเศษน้องน้องๆที่เราพามาจากร้านไปคุยค้างคืนที่ห้องก็ต้องจ่ายส่วนหนึ่งให้ตำรวจท้องที่แสนด่อง(รวมในค่าตัวของน้องๆ) และเจ้าของโรงแรมก็ต้องจ่ายด้วยเช่นกันเป็นค่าธรรมเนียมไม่งั้นโดนปรับถึงขั้นปิดโรงแรม เพราะที่vietnamมีสายสืบใน นอกเครื่องแบบและการรายงานจากแท๊กซี่(=แต๊ก ซี)และการแจ้งจากทางร้านที่เราพาเด็กๆ(=ก่า ม้ำ ด๋อ)ออกมาตลอดเวลา ดังนั้นค่าใช้จ่ายเราจะแพงกว่าคนvietnamสองถึงสามเท่าและต้องมาจ่ายค่าห้องสองห้องเพราะไม่มีทะเบียนสมรส เขาห้ามนอนห้องเดียวกัน ทุกวันก่อนเที่ยงคืนจะมีสายตรวจมาตรวจเสมอที่โรงแรม ดังนั้นเพื่อนผมบอกว่าพวกนี้นี่แหละเป็นมาเฟียตัวจริง


หลายคนอาจจะมองว่าศักยภาพและเศรษฐกิจของvietnamดีขึ้น นั่นเป็นภาพภายนอก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากพวกผมที่ต้องทำงานปากกัดตืนถีบ เพื่อนvietnamโทรมาเมื่อสัปดาห์ก่อน บอกว่าvietnamตอนนี้ดูวุ่นวายและรถติด(=แกก แซ)กว่าเดิม ความเป็นอยู่แย่กว่าเดิม แต่คนต่างชาติ(=เหง่ย นึก โหง่ย)เยอะมาก คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นไม่ดีเลย ผมเลยเตือนสติเพื่อนว่าต้องอยู่แบบ "เด่ย ดู๋ ดู๋ หล่า หั่น ฟุ๊ก จอ เด่ย บ่าง" ทำนองว่าใช้ชีวิตแบบพอเพียงแล้วจะเป็นสุข และขอฝากคำนี้ไว้กับเพื่อนๆทุกคนนะครับ เงินไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง มีหลายอย่างที่เงินซื้อไม่ได้คือเวลา ความรู้สึก และจิตวิญญาน ฝันดีทุกท่านครับ

Sunday, June 3, 2007

PANTIP VIETNAM

ที่โฮจิมินห์ ตอนที่ทำงานผมค่อนข้างมีปัญหากับคอมพิวเตอร์บ่อยๆ เกี่ยวกับโปรแกรมการใช้งานที่เสียหายแล้วเปิดใช้งานไม่ได้ สาเหตุหลักก็คือไฟฟ้าดับบ่อยทำให้เครื่องเสีย ผมเลยต้องหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาลงเครื่องเอง ก็เลยสอบถามและให้เพื่อนพาไปที่ ถนนโตง ทัก ตุ่ม(Ton That Tung) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแม่และเด็ก ใกล้รอยต่อเขตสาม บริเวณใกล้กันก็มีร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายร้าน แต่ร้านตามถนนดังกล่าวส่วนมากจะขายซีดีโปรแกรมใช้งานซึ่งราคาถูกกว่าบ้านเรามาก ตกแผ่นละ 3.000-4.000 ด่อง ก็สิบบาท ผมเคยไปซื้อที่พันธ์ทิพย์ตกแผ่นละร้อยนะครับ ต่างกันมาก ส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ราคาก็ไม่ต่างจากบ้านเรา คิดว่าน่าจะรับต้นทุนที่ไม่ต่างกัน ตอนที่ผมไปซื้อ กอนจวด(=เม้าส์) ตกราคา 55.000 ด่อง ก็ 130บาท แต่ราคาขายเขาอิงสกุลเงินดอลล่าร์เพราะง่ายต่อการปรับราคา อย่างแคตตาล๊อกขายของอุปกรณ์ผมเคยอ่านดูราคาก็สังเกตพบว่าเป็นเช่นนั้นครับ ส่วนพวกหนังชนโรง หรือเพลง คาราโอเกะ ก็มีเป็นบางร้านแต่ก็ไม่มากเท่าร้านบริเวณข้างตึกSUNWA ถนนเหวียงเหว่ ตรงนั้นจะมีให้เลือกมากกว่าราคาก็ 15.000-20.000 ด่อง ก็ 40 บาท เคยซื้อมาดูแล้วบางแผ่นก็ดูดีมีซาวด์แทร็คแบบเวียตนาม อาจไม่ถูกใจผมนิดหน่อยเพราะคนพากย์คนเดียวตลอดเรื่อง บางแผ่นดูดี บางแผ่นก็ดูไม่ดี ซีดีเพลงที่นั่นหาซื้อง่ายพอพอกับหนังสือพิมพ์ เพราะมีบริการขายถึงหน้าบ้าน จะมีรถจักรยานปั่นมาขายให้เลือกกันได้เลย แต่ส่วนมากจะเป็นเพลงซะมากกว่าราคาก็ทั่วไปพอพอกับขายที่ร้าน

Thursday, May 17, 2007

Vietnam Road

เมื่อครั้งแรกที่ลงจากเครื่อง ผมสังเกตว่าที่นี่ใช้แตรกันสิ้นเปลืองมากมาก บีบแตรกันตลอดทาง จนผมต้องถามเพื่อนเวียตว่าเขาไม่โกรธกันรึอย่างไร ถ้าเป็นบ้านเราคงได้ยิงกันตายแน่ๆ หรือไม่ก็ด่ากันต่อยกัน ก็มี เพื่อนว่าเป็นเรื่องปกติเพราะถนนแคบรถมอเตอร์ไซค์เยอะทุกคนต้องบีบแตรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ(แต่ผมว่าน่ารำคาญมากกว่า ฮ่า...) เพราะบางครั้งแค่มือจับรถเกี่ยวกัน รถล้มก็มีให้เห็นทั่วไป ระบบผังเมืองของเวียตนามถนนถี่เป็นตาหมากรุก บางจุดมีถนนหลายเส้นมาตัดกันเรียกว่า ngả(=หงา=ทางแยก) มีตั้งแต่ หงาบา(สามแยก) หงาตือ(สี่แยก) หงา-นำ(ห้าแยก) หงาเซ้า(หกแยก) ส่วนหงาไบ๋(เจ็ดแยก) ยังไม่เคยเจอ ทุกทุกหงาก็จะมีวงเวียนเอาไว้ขับจะวนซ้ายทวนเข็มนาฬิกาตรงกันข้ามกับบ้านเรา

ข้อดีของเจ้าวงเวียนก็คือไม่ต้องติดตั้งไฟแดง(đèn đỏ =แดง ด๋อ) ตรงวงเวียนก็จะมีรูปปั้นรูปแกะสลัก สัญลักษณ์ต่างๆ หอนาฬิกา(วงเวียนห่างเซิน) หน้าโรงพยาบาลก็งดบีบแตร ห้ามสามล้อ ห้ามกลับรถ...ป้ายห้ามต่างๆก็คล้ายๆบ้านเรา วินมอเตอร์ไซต์(=แซ โอม) ไม่ต้องใส่เสื้อวินเหมือนบ้านเรา พบได้ทั่วไปราคาแล้วแต่ต่อรองครับ เคยนั่งจากเขตสามไปแถวต.ไล้ทิว จ.บินห์ยืง เพียง 20.000 ด่อง(ห้าสิบบาท)เมื่อปี 2003 ตอนนี้คงไม่ได้แล้วหล่ะเพราะน้ำมันแพงขึ้น ถ้าเป็นในเมืองตามตลาดก็มี xích lo(ซิก โล=สามล้อ)ซึ่งผมเรียกว่าเป็นรถบรรทุกเวียตนามเพราะขนของได้เยอะมากชนิดรถกะบะต้องชิดซ้ายเลย แต่เพื่อนว่าพวกนี้ไม่ค่อยกลัวตำรวจขนของดูแล้วอันตรายซึ่งทำให้เกิดการชนอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง

ผมเคยไปที่ศูนย์ขนส่งในเมือง (Bến xe=เบ๊น แซ) ซึ่งก็มีหลายจุดด้วยกันขึ้นว่าเราจะเดินทางไปภาคไหน อย่างไปทางตะวันออกไปเที่ยว ด่าลัด เที่ยวหมุยแน๊ ฟานทิ๊ก อย่างคุณวิทไป ด่าหนัง ฮานอย(ไปฮานอยโดยรถไฟน่าจะประหยัดดีกว่า) ก็ไปที่ก็ต้องไปที่ศูนย์ขนส่งตะวันออก Bến xe miền đông (เบ๊นแซเหมี่ยงดอม) ไปเที่ยวตะวันตกอย่าง จ.หมีทอ เขตวินลอม(สะพานขึงหมีถวน สวยมาก) จ.กั่นเทอ แถวลุ่มน้ำโขง...ก็ไปขึ้นที่ Bến xe miền tây (เบ๊นแซเหมี่ยงไต) แต่ถ้าจะไปเขมรผ่านเขตฮุกโมน จ.ลองอัน ไปเที่ยวนครใต้ดินกู๋จี ที่เวียตกงเอาชนะอเมริกา ผ่านจ.ไตนินห์ ถึงMoc Bai(หมอก บ่าย) ก็ติดเขมรเลยโดยมากมีแต่พวกไปเล่นคาสิโน ก็ต้องไปที่ศูนย์An Soung(อัน เซิง) หรือจะนั่งยาวไปเขมรก็มีรถบัสและรถตู้บริการ นั่งจากตลาดBenh Thanh(เจอะ เบิ่น ถัน) หลักกิโลที่นั่นก็หน้าตาแปลกดี ส่วนบนทาสีแดงบอกว่าจุดที่เราอยู่ห่างจากฮานอยกี่กิโลเมตร จากรูปบอกแค่ระยะห่างจากเมืองสำคัญกับเมืองฮานอยเท่านั้น ห่างจากโฮจิมินห์ 179 กม. รวมระยะทางจากโฮจิมินห์ไปฮานอย 1900 กม. การบอกสถานที่ระยะทางไม่เหมือนบ้านเราที่บอกทุกอำเภอและจังหวัดเลย ป้ายบอกระยะทางก็มีน้อย หรือบอกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็ไม่มี การเดินทางออกนอกเมืองต้องเสียค่าผ่านด่านเว้นมอเตอร์ไซต์ไม่ต้องจ่าย