Dict Vietnam Onlines

Dict Vietnam Onlines
Google

See Vietnam

Loading...

หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Entertainment (4) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (11) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Sunday, April 29, 2007

Bird Flu

ผมเริ่มไปทำงานที่เวียตนาม โฮจิมินห์ซิตี้ เมื่อปี 2003 ตอนนั้นทางบ้านยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศนี้ รู้เพียงแต่ว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ และตอนนั้นไข้หวัดนกเริ่มระบาด(cúm gà=กุ๊ม ก่า) แม่ผมก็เตือนไม่ให้กินไก่ ก็เชื่อท่านไว้ก่อน ตอนผมลงเครื่องก็มีเครื่องสแกนความร้อนที่สนามบินทำเอาผมวิตกนิดหน่อย พอลงเครื่องท้องหิว ก็เลยไปกินข้าวกัน เจอ อาหารประเภทไก่ราดน้ำแดง(=ก่า คอ) ขายกันทั่วไปตามร้านข้าวราดแกง(=เตี่ยม อัง) ก็แปลกเหมือนกัน ไม่ยักจะน่ากลัวเหมือนที่คิด ผมว่าข่าวมันดูน่ากลัวเกินไป มื้อกลางวันเถ้าแก่(=อม จู๋)พาพวกเราไปกินเฝ๋อ ที่ร้านเฝ๋อฮวา(Pho Hoa) ถ.ปลาสเตอร์ (ผมไปอีกครั้งเมื่อสองปีก่อนมีร้านอาหารไทยชื่ออิ่มอร่อยไปเปิดข้างๆด้วย) ชามใหญ่มากทานเกือบไม่หมด ทราบว่าร้านนี้ขึ้นชื่อ มีบุคคลสำคัญต่างประเทศมาชิมกันแล้วหลายคน อย่างอดีตประธานาธิบดีบิลคลินน์ตันสหรัฐ และคนอื่นๆ สาระพัดสั่ง ไม่ว่าจะเฝ๋อก่า(=ไก่) แฮว(=หมู) บ่อ(=วัว) เฝ๋อจะไม่ใส่ลูกชิ้น(viên=ฟีง)เหมือนอย่างบ้านเรา แต่ใส่หมูยอ(จ๋า หลั๋ว)หรือแหนมเนือง นึ่งใบตองแกะใส่ชามขนาดพอคำ ถ้าอย่างบ้านเราก็คือใส่แคบหมูนะเอง ผักก็สารพัดผักหน้าตาส่วนมาก็คล้ายบ้านเราบางต้นเหมือนที่เราใช้จัดสวน ผักชีลาว ผักแพ้ว ผักขแยง ต้นคล้ายคุณนายตื่นสายก็มีอย่างนี้ขมหน่อย ส่วนมากจะต้มกินกับอาหารประเภทเหลา(ต้มยำ)จะดี มีอย่างนึงที่ร้านเขามีมา คือไข่ไก่ต้ม ผมก็เลยแกะเลย โทษทีครับเป็นไข่ข้าว แต่ไก่ยังมีตัวและขนอยู่ด้วยบางส่วน เอาไงดีแกะแล้ว ก็ลองกินเลยเดี๋ยวหาว่ารังเกียจของดีของร้าน แกะส่วนบนออกพอช้อนชาเข้าได้ เติมผงเครื่องปรุงที่ร้านมี ติว มุ้ย จัน(พริกไทย เกลือ นะนาว ผงชูรส) เหยาะลงไปใส่พริกปั่น(เอิ๊ด บั่บ) ลงนิดถ้าชอบเผ็ดดับคาว เติมผักแพ้วลงไปแก้เลี่ยน ช้อนตักกิน ก็อร่อยดี (กินทั้งที่กลัวหวัดนก ฮ่า...)แต่ท่านอื่นหน้ายี้เป็นแถว เท่าที่เพื่อนเล่าให้ฟัง หวัดนก จะระบาดในเขตนอกเมืองไกลเท่านั้น ทางราชการก็ประกาศลงโทษ คนที่ขนย้ายสัตว์ปีก จึงเห็นไก่ขายน้อยมากในตลาด ดังนั้นดูแล้วสถานการณ์หวัดนกก็ไม่ได้รุนแรงตามที่คาดไว้ วันนั้นเลยซัดไปสองใบเต็มเลย ฮ่า...

Friday, April 27, 2007

Vegetarian Food



เมื่อปี 2004 ช่วง Tet เทศกาลปีใหม่ ผม กับพี่พัฒน์ผู้จัดการ และบ๊อบ(คนเยอรมัน) เราเดินทางกลับมาถึงโฮจิมินห์ เวียตนาม บรรยากาศในเมืองเงียบสงบ ร้านปิดส่วนมาก แถวที่เราทำงานอยู่เป็นเขตนิคมเวียตนามสิงคโปร์(VSIP) ไม่มีร้านอาหารเปิดเลย เพื่อนเวียตเราเลยพาเรานั่งรถมอเตอร์ไซต์สามคันสามคน ไปหาอาหารทานกันที่ตลาดไล๊ทิว ไม่ไกลจากนิคม เราก็ได้ไปเจอร้านแห่งนึงติดคอสะพานเข้า เลยนั่งทานกันเป็นร้านข้าวราดแกง อุปกรณ์ก็มีช้อนหางยาว และตะเกียบเพื่อนเราชาวเยอรมันไม่ถนัดเลยขอใช้ช้อนส้อมดีกว่า(cái nĩa=ไก๊ เนี๋ย) แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าร้านนี้ทำไมคนขายแต่งชุดเทายาว พอนั่งทานอาหารก็รสแปลกๆ พอดูป้ายร้าน ก็เห็นเขียนว่า "ăn chay"(กินเจ) ถึงว่าดูอาหารเหมือนทั่วไป ก็พึ่งทราบเหมือนกันว่าที่นั่นก็มีอาหารแบบนี้ทานกะเขาเหมือนกันทุกอย่างที่ดูเหมือนเนื้อกับไข่ แต่จริงแล้วไม่ใช่เนื้อ ส่วนมากทำจากถั่ว สาหร่ายและอื่นๆ ถ้าท่านไหนเป็นมังสวิรัติก็แวะดูป้ายที่มีคำแบบนี้ ก็ตรงเข้าไปเลยนะครับ ไม่ต้องตามเทศกาลก็มีรับประทานครับ ผมก็เคยเห็นอาหารสำหรับทำอาหารเจพวกนี้มีขายที่ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนกัน และเมื่อปี2006 ผมก็แวะไปทานอาหารแถวถนนบั๊ดด่าง(Bach Dang)ใกล้สนามบินตันเซิงยึกก็มีอีกร้านนึงที่เข้าไปทาน เพราะใกล้โรงแรมที่สุด จริงแล้วผมค่อนข้างสังเกตว่าร้านพวกนี้มีน้อยจริงไม่ค่อยเห็น อย่างบ้านเรา ที่เชียงใหม่หาทานได้ง่ายกว่า ที่พักผมใกล้สนามบินยังมีร้านอาหารแบบหมาปิ้งย่างเยอะซะด้วย(ผมไม่นิยมนะครับ) ถ้าเจอคำว่า "chó=จ้อ"บางที่ถึงไม่มีหัวหมาแขวนก็คือร้านอาหารขายเนื้อมะ หมา 4ขา นะเอง ครับ

Saturday, April 21, 2007

King Hung Celebration


ขนมเค้กยักษ์วันรำลึกกษัตริย์ห่มมหาราช
วันดังกล่าวตรงกันวันที่10เดือน3ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งตามปฎิทินสากลคือวันที่ 26 เมษายน ในปีนี้ ที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้เองก็มีการฉลองเช่นกันโดยการทำขนมเค้กยักษ์อันได้แก่



บั๊น จึง(banh chungหรือbanh TET) ที่ทำจากข้าวเหนียวห่อใบตองเป็นทรงรูปสี่เหลี่ยมนึ่ง จำนวนหนึ่งชิ้น และขนมบั๊น หย่าย(banh day)ที่มีทรงคล้ายซาลาเปาทำจากเค้กข้าวจ้าว จำนวนหนึ่งชิ้น โดยจัดงานที่สวนวัฒนธรรมDam Sen ซึ่งปีนี้ตรงกันวันหยุด ทั้งนี้ทางสวนยังได้เชิญชวนแขกผู้มีเกียรติ ร่วมรับประทานขนมนี้เพื่อเป็นศิริมงคลในส่วนของบั๊นจึง มีขนาด 1.8x1.8x0.7 ม. ทำจากข้าวเหนียว 1,000 กก.ถั่วเขียว 200 กก. หมู10 กก.ใช้ใบตอง 350 กก.ดอกไม้จีน 20 กก. ซึ่งปรุงแล้วจะมีน้ำหนัก 2 ตัน


ส่วนบั๊นหย่าย มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 ม. หนา 0.70 ม. ปรุงแล้วหนัก 1 ตัน ในโอกาสนี้ทางสวนยังจัดทำหมูยอหรือที่บ้านเราเรียกแหนมเนืองญวน(Chả lụa=จ๋า หลั่ว) เส้นผ่าศูนย์กลาง 25 ซม.ยาว 1 ม. หนักกว่า 30 กก. โดยปีนี้ทาง Dam Sen ได้จัดงานเป็นปีที่สองแล้วนับจากปี 2005

ทีมาของขนมทั้งสองนี้เป็นเรื่องที่เล่าขานตามตำนาน เท่าที่ผมจำได้ เป็นตอนที่กษัตริย์พระองค์นี้ชนะศึกประกาศอิสระภาพประเทศ ซึ่งตอนนั้นสงครามได้สร้างความแร้นแค้นไปทั่ว ก็มีชาวบ้านได้ทำขนมถวายมอบให้พระองค์เสวย พระองค์ทรงนิยมชมชอบขนมนี้มาก จึงทรงตั้งให้ขนมดังกล่าวเป็นขนมแห่งการเฉลิมฉลอง และขนมดังกล่าวก็ได้สืบทอดประเพณีจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น ชาวเวียตนามโดยเฉพาะช่วงตรุษ จึงนิยมทำขนมดังกล่าวเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ เท่าที่ชิมดู ถ้าจะให้อร่อยต้องทานร่วมกับผักกิมจิเวียตนาม เพราะรสชาดจะได้ไม่จืด ขนมนี้ค่อนข้างให้พลังงานสูง(หมับ=อ้วน) เก็บได้นานนับเดือน(ใส่เกลือ และผงชูรส) โดยไม่ต้องเข้าตู้เย็น เพื่อนๆสนใจก็นำไปทำเองก็ได้ครับ ส่วนผักกิมจิเขาจะหมักใส่ขวดโหลมีผักกาด เศษผัก แคร็อท หั่นชิ้นพอคำล้างสะอาด ตากแดด พอแห้งใส่ขวดโหลซึ่งมีน้ำปลา เกลือ น้ำตาล ผงชูรส น้ำส้มสายชู สัดส่วนเค็ม หวาน เปรี้ยว มาคลุกเคล้ากับผักตากแห้งพอขลุกขลิกเท่านั้นหมักไว้เจ็ดวัน นำมาทานร่วมกับขนมอร่อยมาก ไม่เลี่ยน

Office Tool and Equipment







ตอนอยู่ที่เวียตนามปี 2002 เวลาสื่อสารอยากให้เขาช่วยเตรียมอุปกรณ์สำนักงานให้ บางครั้งก็เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษไป บางอย่างเขาก็ไม่รู้ เขียนรูปอธิบายบ้างค่อยๆถูไถไป ผมคิดว่าเพื่อนๆบางคนก็มีปัญหาเช่นกัน ผมเลยขอนำคำเรียกอุปกรณ์เหล่านี้มาฝากเพื่อนๆ ครับ


-Máy Vi tính=ไม๊ หวี่ ติ๊น=เครื่องคอมพิวเตอร์
-đóng dấu=ด๊อม เย้า =ลงตราประทับ
-máy soi tiền =ไม๊ โซย เตี่ยง=เครื่องตรวจแบงค์ปลอม
-Dụng cụ văn phòng =หย่ม กู่ ยัง ฟ่อม=อุปกรณ์สำนักงาน
-Bàn làm việc =บ่างหล่าม เหวียก=โต๊ะทำงาน
-Bàn hiệu =บ่าง ฮิ่ว= โต๊ะกลม
-Mực máy Fax=หมึก ไม๊ แฟ๊ก=หมึกเครื่องแฟ๊กส์
-Bàn văn phòng, bàn vi tính =บ่าง ยัง ฟ่อม,บ่างหวี่ ติ๊น=โต๊ะสำนักงาน/โต๊ะคอมพิวเตอร์
-Ghế văn phòng=เค้ ยัง ฟ่อม=เก้าอี้สำนักงาน
-Mực in các loại máy khác=หมึก อิง แค๊ก หล่วย ไม๊ แก๊ก=หมึกเติมเครื่องพิมพ์
-Mực máy in Epson=หมึก ไม๊ อิง แอ๊ปซัน=หมึกเครื่องพิมพ์แอปสัน
-Ribbon các loại =ริบบอน แค็ก หล่วย=แถบริบบิ้นเครื่องพิมพ์ดีด
-Sản phẩm làm sạch màn hình =สาง ฝาม หล่าม ซัก หม่าน เหิ่น=น้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์
-Kệ, tủ văn phòng=เก่,ตื๋อ ยัง ฟ่อม=ชั้นวางของสำนักงาน
-Máy tính điện tử =ไม๊ ติ๊น เด่ง ตื๋อ=เครื่องคิดเลขอิเลคโทรนิค
-Điện thoại, tổng đài =เดี่ยน ถอย,เติม ได่=เครื่องโทรศัพท์โอนสาย
-Máy Fax ไม๊ แฟก เครื่องแฟกส์
-Máy in lazer ไม๊ อิง เล เซอ เครื่องพิมพ์เลเซอร์
-Máy Photocopy=ไม๊ โฟ โต ก๊อบ ปี=เครื่องถ่ายเอกสาร
-Máy chiếu Projector=ไม๊ จิ๊ว โปรเจคเตอร์=เครื่องฉายโปรเจคเตอร์
-Bàn máy tính chuyên dùng hiệu โต๊ะชั้นวางคอมพิวเตอร์
-Ghế xoay เก้าอี้สำนักงาน
-Bóp da บ๊อบ ยา= เป๋าตังค์
-Túi đeo กระเป๋าเล็กสะพายข้าง
-Balô เป้สะพายหลัง
-Cặp công sở กระเป๋าโน๊ตบุก
-Đĩa CD เดี่ย ซีดี=แผ่น CD
-Két đứng có một khoá chìa,một khoá mã ตู้นิระภัย
-Bút bi ปากกาลูกลื่น
-Bút bi Thiên Long บุ๊ด บี เทียน ลอม=ปากกาลูกลื่นเทียนลอม(ยีห้อดังที่เวียตนาม)
-Ruột bút biใส้ปากกาลูกลื่น
-Bút máy Parker ปากาหมึกซึม
-Giấy in & copy กระดาษถ่ายเอกสาร
-Giấy film =ไย๊ ฟีม=แผ่นใส
-Giấy fax, can ảnh กระดาษแฟก
-Giấy than, telex กระดาษม้วนเครื่องแฟ๊กส์
-Giấy giao việc กระดาษโน๊ต
-Bìa đóng sổ กระดาษสีคั่นหนังสือ
-Hộp bút กล่องใส่ดินสอ
-Bút kim Uniball ปากกาหมึกซึมหัวบอล
-Bút lông bi ปากกาหมึกซึมเคมี
-Bút chì =บุ๊ด จี่=ดินสอ
-Bút dạ ปากกาเคมีpermanent
-Bút dấu dòng ปากกา marker
-Bút phủ หรือBút xóa ปากกาลบคำผิด
-Ghọt bút chì กบเหลาดินสอ
-Giá cắm bút กระป๋องใส่ปากกาดินสอ
-Bút UCHIDA ดินสอกด
-Bút bi mực nước ปากกาหมึกน้ำสี
-Sổ điện thoại,danh thiế สมุดบันทึกโทรศัพท์
-Dụng cụ lau bảng แปลงลบกระดาน
-Gôm กอม=ยางลบ
-Tẩy Đức (น.)ยางลบ
-File Tài liệu =ฟาย ต่าย หลิว=ที่เก็บไฟล์
-FILE hộp dán đặc แฟ้มเก็บข้อมูล =Bìa còng,Bìa kẹp giấy
-Bìa treo ที่วางเก็บแฟ้ม
-Hồ khô กาวแท่งชนิดหลอดยู้ฮู
-Giấy dán lỗ rách สติกเกอร์ติดรูหลังเจาะเข้าแฟ้ม
-Keo dán Thiên Long(ต.) ,Hồ nước Thiên Long(น.) กาวน้ำ
-Ruột xóa kéo ม้วนเทปลบคำผิด xóa kéoที่ลบคำผิดชนิดแถบลบ
-Dập lỗ =ยับ โหล/ปั๊ม โหล=ที่เจาะรูกระดาษ
-Ghim, dập ghim ที่เจาะรูกระดาษขนาดพิเศษ
-Dao=ยาว= มีดคัสเตอร์
-Kéo แก๊ว=กรรไกร
-Lưỡi dao ใบมีดคัสเตอร์
-Thước 20 cm ไม้บรรทัด
-Kẹp vẽ คลิปดำหนีบกระดาษ
-Kẹp tài liệu=แกบ=ที่หนีบกระดาษ
-Chai mực 28ml ขวดน้ำหมึก
-Con dấu 10 số 9mm ที่ปั๊มตัวเลข
-Dấu ngày, tháng, năm
-Dấu chữ FAXED
-Băng dính 2 mặt 0.5cm VN กาวสองหน้า
-Băng dính giấy 2cm Mỹ
-Băng dính văn phòng 2cm trong
-Đài loan กาวใส
-Cắt băng dính cầm tay Việt nam ที่ใส่ม้วนกาวพร้อมตัดในตัว
-Phong bì thư nhỏ=ฟอง บิ ทู หยอ= ซองจดหมาย
-Phong bì xi măng có đáy A4 Việtnam ซองเอกสารสีน้ำตาล
-Bao thư keo dán thấm nước ซองใส่เอกสารชนิดมีกาวปิด
-Mực dạ bảng HORSE Thái lan หมึกเติมตราประทับ
-Nhãn dán số 108 (19x36)mm แผ่นสติกเกอร์ลาเบล
-Phân trang nhựa 12 màu แผ่นคั่นทำสารบัญหน้ากระดาษ
-Phân trang nhựa 12 tháng - tiếng Anh
-Hộp đựng bút xoay ชั้นวางปากกาอุกรณ์
-ĐT di động =เดี่ยน ถอย ดี ด่อม= โทรศัพท์ ส่วนตัว
-Hộp để card ที่วางนามบัตร
-Thẻ nhớ, tbị lưu trữ เมมโมรี่การ์ด
-Hóa đơn thanh toán tiền. บิล

Friday, April 13, 2007

Happy Marry at Ha Tinh Province

วันนี้ต้องขอแสดงความยินดี กับหนุ่มไทยที่ได้ไปแต่งงานกับสาวห่าติ๋ง(รูปถ่ายประกอบเป็นงานแต่งเพื่อนผมครับที่บิงห์ฮวา จ.ดองนาย) ทีนี้คงมีหลายคนสงสัยว่ามันอยู่ไหนกัน มาว่าถึงจังหวัดนี้ดีกว่าว่าเป็นยังไง

จังหวัดห่าติ๋ง(Hà Tĩnh)เป็นจังหวัดชายฝั่งอยู่ทางภาคเหนือ แต่อยู่ทางใต้กรุงฮานอย ทิศเหนือติดจังหวัดแหง่อาน ทิศใต้ติดจังหวัดกวางบิ่นห์ ตะวันออกติดลาว ฝั่งตะวันออกเป็นทะเลจีนใต้ มีเนื้อที่ 6,056 ตร.กม. ประชากร 1,286,700 คน ประกอบด้วย อำเภอเมืองสำคัญสองเมือง และอำเภอ อีก 10 อำเภอ


1. Hà Tĩnh
2. Hồng Lĩnh town
3. Cẩm Xuyên
4. Can Lộc
5. Đức Thọ
6. Hương Khê
7. Hương Sơn
8. Kỳ Anh
9. Nghi Xuân
10. Thạch Hà
11. Vũ Quang
12. Lộc Hà พึ่งตั้งใหม่ อยู่ระหว่างCan Lộc และ Thạch Hà

เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญตั้งแต่อดีตมา มีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจเนื่องจากมีหลายชนเผ่าอย่างหลักก็คนเวียต เผ่าไทย(น่าจะเป็นไทยภูเขา พูดภาษาคล้ายภาคเหนือบ้านเฮา) เผ่าจู๊ด(Chứt,พูดภาษาลาว) เผ่าม้ง(Mường,พูด ภาษาม้ง) และเป็นบ้านเกิดของกวีรวมทั้งบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เวียตนามกว่าสิบท่าน

นอกจากทิวทัศน์ธรรมชาติ ยังมีน้ำตกVũ Môn สวนพฤกษ์ศาสตร์Vũ Quang ทะเลสาบKẻ Gỗ น้ำพุร้อนSơn Kim ช่องเขาĐèo Ngang วัดHương Tích และหาดทรายที่สวยงามกว่าห้าแห่งเลียบไปตามถนนหลวงสาย 1A และสาย 8


ที่มา:วิกิพีเดีย

Thursday, April 12, 2007

My first MV Karaoke


คงต่อเนื่องจากที่เริ่มชอบร้องเพลง แต่เวลาไปคาราโอเกะกับผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ร้องเพลงภาษาอังกฤษกับท่านๆ แต่เวลาไปกับเพื่อนร่วมงานที่นั่น พอรู้ว่าผมพอร้องเพลงเวียตได้ ก็จะให้ร้องให้ฟัง(=ฮ้าก ดี) แต่ผมคงต้องรอให้เมากันก่อนทุกที ฮ่า... เพลงที่หากินเวลาร้องก็สองสามเพลงของนักร้อง(กา สี) Ung Hoang Phuc ซึ่งกำลังฮิตเมื่อปี 2003 ก็เพลงชื่อ Nguoi ta noi ,Toi Khong Tin... ไปไหนก็ร้องจนหลับตาร้องได้เลย เพลงไทยก็มีแต่ไม่มีเมนู(ถึก เดิง)ให้ เพลงจะอยู่ประมาณลำดับที่ 7xxxx กดมั่วดู จะมีแต่เพลงเก่านะครับ รุ่นสิบปีมาแล้ว

มาว่าถึงประวัติของนายƯng Hoàng Phúc(อึง ฮว่าง ฟุ๊ก) คนนี้นิดนึง ชื่อจริงคือNguyễn Quốc Thanh(เหวียน ก๊วก ทัน) อายุ 26 ปี เกิด 18 สิงหาคม 2524 เป็นนักร้องชายที่หน้าตาดี น้ำเสียงร้องแบบกลางๆฟังง่าย เดิมทีเป็นนักร้องดังในกลุ่มสมาชิกวง1088 ที่มีผู้ฟังมากสุดวงหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักร้องนำ

จนเมื่อวงแตก เขาได้เข้าเซ็นต์สัญญาเข้าค่ายดนตรีบันเทิงสากล(Thế giới Giải Trí) จนมีอัลบั้มเดี่ยวถึง 4 อัลบั้มแล้ว และร้องคู่กับวงสามสาวHAT 1 อัลบั้ม



Wednesday, April 11, 2007

MV Learn listening

เท่าที่ผมได้สำรวจ พบว่ามีเพื่อนๆหลายคน อ่านออกสำเนียงและฟังภาษาเวียตนามกันยาก เหลือเกิน ผมเองก็เช่นกัน ผมมาแก้ปัญหานี้ได้ตอนไปนั่งคาราโอเกะ เพราะรำคาญเด็กๆ เหลือเกิน ที่ชอบเปิด แต่คาราโอเกะเวียตนาม เพลงฝรั่งเขาก็ร้องไม่ได้ เราก็เลยร้องตามร้องไปร้องมาก็เลย จับคำร้อง ตามตัวหนังสือวิ่ง ก็เลยอ่านออก ( แต่ไม่รู้ความหมายของคำ) และ สนุก เพลิดเพลินดี ไม่เซ็ง เหมือนนั่งอ่าีนหนังสือ เลย หมดเงินไปเยอะกับ การเที่ยวคาราโอเกะ ฮ่า...(ตัวอย่างไม่ดี ห้ามลอกเลียนแบบนะครับ)ก็เลยอยากแนะนำเพื่อนๆในการฝึกอ่านเรียนภาษานะครับ นี่เป็นตัวอย่าง เพลง Vang trang khoc แต่งโดย Nguyễn Văn Chung ขับร้องโดย Nhật Tinh Anh และ Khánh Ngọc

North and South Language

มีเพื่อนๆหลายคน บ่นว่าคำในภาษาเวียตนามมีคำเรียกที่แตกต่างกัน เนื่องจากเวียตนามเองประกอบด้วยชนกลุ่มหลายกลุ่มด้วยกัน หลักๆก็มี ภาษาเหนือ, กลาง,ใต้ นอกนั้นก็มีภาษาตะวันออก ,ตก ,จาม(ông-ออม-ท่าน,คุณ) ภาษาชาวเขา(người núi =เหง่ย นุ้ย) กว่า 50 เผ่า ซึ่งโดยมากอาศัยอยู่ตามภาคเหนือเช่น เมืองSapa...ซึ่งรวมถึงเผ่าไท้( Thái) หรือคนไทย ซึ่งผมได้ดูวีดีโอไว้เล่ารายละเอียดคราวต่อไป อื่นๆตามแนวเขาฝั่งที่ติดกับลาว
อย่างที่ผมเคยไปเที่ยวที่ เมืองด่าลัด จะมีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่าเขา Lang Biang(ลาง เบียง) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ใครอยากสมหวังเรื่องความรักก็ลองไปดู ที่นั่นมีชาวเขาเผ่าลาว ก็พูดคุยกับเราได้รู้เรื่องที่สุด เขามีหลายเรื่องเล่ากับเรา เอาไว้คงเล่าในคราวต่อไป ก่อนสงครามเวียตนาม(กับอเมริกา) เมืองไซง่อนหรือโฮจิมินห์ชื่อใหม่นั้น เป็นเมืองที่มีความเจริญมากกว่าบางกอกหรือกรุงเทพของเราเสียอีก กลุ่มคนไม่ว่าจะภาคกลาง เว้ ด่าหนัง ยาจาง ต่างก็เข้ามาทำงาน บ้างเรียนหนังสือ หลังจากสงครามเวียตนามสิ้นสุดกลุ่มปัญญาชนที่ไม่พอใจต่างกลัวและพยายามหลบหนี
บางคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ผมฟังว่า เขาคงจะเรียนจบมหาวิทยาลัย มีงานดีเงินดีไปแล้วถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ ดังนั้นในเขตภาคใต้ อย่างในเมืองโฮจิมินห์ การที่จะหาอาหารภาคกลางจึงไม่ยาก เพราะโดยมากจะเป็นคนภาคกลาง เพื่อนเวียตผมบางคนมีสายมาจากราชวงศ์เก่าแก่ทางภาคกลาง เคยไปนั่งดูรายชื่อสายตระกูลยาวสี่ห้าพับเลย ฮ่า...
ด้วยปัจจุบัน สื่อต่างๆ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์(เว้นแต่ HTV และ Local อื่นๆ) ที่เป็นภาษากลาง ทำให้เด็กรุ่นใหม่ใช้ภาษากลาง ก็มีแต่รุ่นพ่อแม่เท่านั้นที่ยังคงใช้ภาษาถิ่นเดิม พอจะยกตัวอย่างคำดังนี้

-คำขานรับ ภาคเหนือจะเป็น Vang=ฟวัง ทางใต้จะเป็น da=ยา(เสียงสระออกสั้น) ผมว่าคล้ายคำว่า จ๊ะ อย่างบ้านเราใช้กัน แต่เวลาผมพูดทีไร นึกถึงเวลากะเทยพูดทุกที


-ชามก๋วยเตี๋ยว เวลาแวะไปกินข้างถนนที่ภาคใต้ ผมก็จะสั่งก๋วยเตี๋ยวชามนึง(Cho anh một cái to=จอ อัน หมด ไก๊ ตอ-ว) แต่ไปกินข้าวบ้านเพื่อนคนเหนือ ต้องเรียกชามว่า ไก๊ บั๊ด(cái bát) ไม่ได้เรียกว่า ไก๊ ตอ-ว สาเหตุถ้าจะให้เดาก็คงเนื่องจาก คำว่า บั๊ด นั้น น่าจะคล้ายภาษาเหนือบ้านเราว่า "หลวง" ที่แปลว่า ใหญ่ รวมก็คือ ชามใบใหญ่นั้นเอง ส่วนคำว่า ตอ-ว นั้น แปลว่าใหญ่ อยู่แล้ว

-ตอนไปร้านถ่ายรูปเพื่อทำVisa ทางภาคใต้จะเรียกรูปถ่ายหรือรูป ว่า "จุบ เพิ่น" แต่ว่าภาษาเหนือจะเรียกว่า "จุบ อั๋น(chụp ảnh) หรือ อั๋น" ผมกับพี่คนหนึ่งก็เข้าใจผิดกันบ่อยๆเวลาเรียกกัน
คงมีหลากหลายคำ ที่ผมเองก็จำไม่ได้แล้ว ล่ะ

Friday, April 6, 2007

Vietnamese Name


เมื่อวานโดนบ่นว่าไม่ค่อยปรับปรุงข้อมูล ก็เลยโดดงานช่วงเช้า มาว่ากันถึง เรื่องชื่อนามสกุลของคนเวียตนามกันในวันนี้ ผมเคยเข้าไปนอนโรงพยาบาลเหวี๋ยงทอม(อดีตบ้านพักหรือที่ทำการประธานาธิบดีเวียตนามใต้ ไม่แน่ใจ) ดีที่เพื่อนคนหนึ่งมีลุงเขาทำงานกระทรวงสาธารณะสุขฮานอยเลยเข้าไปใช้บริการได้ ผมเลยได้ชื่อว่า Nguyễn Văn Đồng ถูกบันทึกประวัติไปแล้ว นอกเรื่องอีกแล้ว โดยทั่วไปชื่อคนเวียตนามจะมีด้วยกันสามส่วน มีบ้างที่มีเพียงสองส่วน แล้วค่อยกล่าวถึงต่อไป ส่วนแรกเป็นชื่อแซ่ตระกูล เช่นที่เราพบเห็นกันบ่อย เช่นNguyen,Tran,Le,Vu,Vo,Hoang,Huynh,Pham,Ngo,Truong,Phan,Doan,Thai,Trinh,Dang,Bui,Lam,Cao,Duong,Dinh,Do,Luu,Ly... ส่วนที่สองจะเป็นชื่อกลางบอกลักษณะเฉพาะ อย่างบ้านเราก็นางสาว หรือนาย เช่น Van,Dinh,Huu,Thi ... ส่วนคำสุดท้ายเป็นชื่อจริงที่เราใช้เรียกกัน อย่างเพื่อนชายผมคนหนึ่ง ชื่อ Nguyen Van Nam(เหวียน ฟวัง นาม) ชื่อ จริง คือ นาม ,ฟวัง แสดงว่าเป็นเพศชาย,แซ่สกุล เหวียน โดยมากแซ่ตระกูล เหวียน จะมีเยอะมากมาก ชื่อส่วนมากมีที่มาจากเทพเจ้า หรือวีรบุรุษ ในตำนาน ซึ่งดูจากการเรียงคำแล้วคล้ายของฝรั่ง แต่บางทีชื่อกลางไม่มี อย่างพวกนักร้องสังเกตดูจะมีเพียงสองส่วน เช่น Cam Ly,Duy manh,My tam,Dan Troung... หรือชื่อถนน Le Loi,Nguyen Trai...ที่เวียตนามก็เป็นชื่อบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์ วันเหตุการณ์สำคัญ ชื่อถนนมีเหมือนกันทุกเขตจังหวัด(คงเพื่อปลุกใจรักชาติ) โดยมากจะเป็นชื่อสองคำจะเป็นของเพศชาย กว่า 22% ในจำนวน 3,282 ชื่อ
ทั้งนี้เชื่อว่าแซ่มีโดยหลักมีเพียง100แซ่ตระกูล(Tram Ho)เขตสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำแดงเวียตนามเหนือ นอกนั้นมีประปรายไม่เกิน 202 แซ่ ชื่อแซ่จะมีเพียงหนึ่งคำ ส่วนที่ จ.บั๊กนินห์ ที่ภาคเหนือ ค้นพบว่ามีกว่า 99 แซ่ โดยกว่า 40% เป็นแซ่เหวียน โดยตามบันทึกนักภูมิศาสตร์ฝรั่งเศสสมัยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส กล่าวว่าผู้คนแถวอ่าวตังเกี๋ยเวียตนามเหนือ มีชื่อแซ่ส่วนใหญ่รับมาจากคำอักษรภาษาจีน และคำบางส่วนก็รับมาจากชาวจามทางภาคใต้ เช่น Ong,Ma,Tra,Che,Lang,Sam...แต่ก็มีแซ่ตระกูลที่มีคำสองคำ เช่น Nguyen-Tan,Nguyen-Khoa,Ho dac...โดยคำแรกเป็นต้นแซ่เดิม คำหลังเป็นแซ่ปัจจุบัน (อย่างคนที่มาจากตระกูลสูงบ้านเราที่ยังมีสกุลในวงเล็บให้รู้ว่ามาจากผู้ดีแต่มาแต่งงานเข้าอีกตระกูลนะครับ) อย่างแซ่Nguyen และ Tran ที่แตกหน่อไปหลายช่วง ก็นิยมผสมแซ่โดยขีดคั่นชื่อ แต่แซ่Uat-tri,Gia-cat ไม่ได้เป็นแซ่คนเวียตนามแต่เป็นแซ่ตระกูลมาจากจีนเป็นแซ่ตระกูลของกษัตริย์ ฝ่ายชายในตระกูลกษัตริย์ซึ่งไม่ได้มาจากแซ่เหวียนจะใช้แซ่ว่า Ton-that ส่วนผู้หญิงใช้แซ่ว่า Ton-nu
ชื่อกลางเป็นส่วนที่ทำให้รู้ว่าคนนี้เพศอะไร(เว้นแต่กะเทยคงต้องเดาหน่อย)ส่วนหญิงจะนิยมใช้คำว่า Thi (ถิ) มาจากคำว่า ชิ ในภาษาจีน ส่วนชายจะนิยมใช้คำว่า Van,Huu,Duc(ดึ้ก),Dinh,Xuan,Ngoc,Quang(กวาง),Cong...ดังนั้นในหนึ่งครอบครัวมีเหมือนกันที่ใช้ชื่อกลางเดียวกัน หรือชื่อกลางแสดงลำดับพี่น้องในครอบครัวอย่าง Manh,Trong,Qui หรือที่เคยได้ยินว่าพี่ใหญ่ ส่วนรองลงมาก็เรียกว่า Gia ก็คือพี่รองน้องเล็กประมาณนี้ อย่างพี่ชายคนโตเรียกว่า Ba น้องชายคนเล็กเรียกว่า Thuc(ถุบ) โดยมากชื่อกลางจะไม่หมายถึงรุ่นในตระกูลเว้นแต่ในราชวงศ์เท่านั้นที่ใช้อย่าง Nguyen(-Phuc) Anh ซึ่งเป็นลูกชายกษัตริย์Gia-Long(ยาลอง) ส่วนคนทั่วไปอย่างเพื่อนผมคนฮานอย ชื่อตามบัตรประชาชนว่า Nguyen Thi Thu Thuy ชื่อ คุณถุ๋ย เป็นผู้หญิง คุณพ่อแซ่เหวียน แม่แซ่ทู แต่เพื่อนผมว่าเขาชื่อเต็มว่า Doan Thi Thu Thuy แซ่เหวียนเป็นแซ่คุณตา จริงแล้วคุณพ่อแซ่ดวน คิดว่าคงเป็นแนวทางให้เพื่อนๆในการสังเกตได้นะครับ

Landing in Vietnam


I still remember for my first time landing in Vietnam.I take VIP ticket by Thai Airway on August 2006.I and My senior Mr.Mai takeoff at Donmuang Airport 8:00 AM and landing at Ton Son Nhat 11:00 AM around 1 hour fly.I don't know anything about this country,but still think that I should bring Chinese guide book for help myself.At Ton Son Nhat Airport I met Mr.Pat let say he is manager site our Project Construction after we have discuss I never use my Chinese guidebook again because in Vietnam mostly they speak Vietnamese that So difference with Chinese and English also no more people there speak.I take a look around Hochiminhcity have many Motocycle the most car are TAXI and at lunch time have traffic jam from motocycle ,but motorcycle still go on without traffic light and lady riding motocycle wear suit same as Arab lady. We have discuss with Mr.Pat along time on the way we go to the site construction in Binh Doung Province(far to the North of Hochminhcity 30 Minute).

Vietnamese Economic


For every community culture not only thai.We have differ a bit each other although we are Asian.Vietnam is the one country have start developed economic same time as thailand,but in the War indochina and Vietnam War detroy and hold everything late developed.Vietnam have change Policy politic from King to Republic Communist until China open the gate with new policy open more investor and support industrial .Vietnam also have policy "Doi Moi" follow china after 2-3 years later Vietnam become to the 2nd country have high rate GDP in Asia.I think this is not good signal for Thailand.I think some condition policy not support industrail and I known that our Labor cost and initial cost we have higher than Vietnam including politic policy also.Not far year We can see Vietnam will grow up in time same as Thailand

Grand Opening Let Speak Vietnamese



Let Speak Vietnamese.I want to say that but in my meaning this community not expect you all only know and learn basic vietnamese language.This is the second web site for me to share idea and exchange experience about Vietnam in general story as life style,comunity,culture,tradition and everything that relate with vietnam.I hope all information will let you learn more and more about vietnam and look back to our country.


Regards,

Web master

Sunday, April 1, 2007

Life on Motocycle


วันนี้มีคำสนน่าใจมาเสนอ "Trơi ơi "
Trơi ơi หรือ เจ่ย เอย เป็นคำสบถ บ่นพึมพำ เหมือนอย่างที่คนไทยเราบ่นกันว่า "โถ่ เอ้ย" ผมค่อนข้างได้ ยินคนเวียตบ่นบ่อยมากมาก เวลามีเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เป็น หรือ จะแปลว่า "ซวย แล้ว ตู" "ไม่น่า เลย" หรือ"อะ -ไร ฟ่ะ" อย่างเวลา เจอตำรวจตรวจใบขับขี่งี้ อย่างผมค่อนข้างชอบขับรถกินลมบ่อยๆ แถวเขตหนึ่งโฮจิมินห์บ่อยๆ ช่วงที่อยู่ที่นั่น จุดตรวจที่นั่นผมไม่ได้เห็นว่ามีการตั้งป้ายหยุดตรวจกันหรอก บางจุดค่อนข้างลับตา พอจะบอกเป็นแนวทางได้ หลักๆก็ แถว บริเวณวงเวียนตีนสะพานเดียนเบียนฟู(=เก่า เดี่ยน เบียน ฟู๋) ตรงนี้เป็นวันเวย์บางคนย้อนศรก็โดนครับ แต่ที่ตำรวจจราจรตั้งด่านเห็นบ่อยๆก็บริเวณเส้นทางหัวโค้งถนนโตง ดึ้ก ทั้ง (แถวแยกไป ผับนัมเบอร์วัน ถนนเล ทั้น โตง) เพราะตรงนั้นค่อนข้างมืดหลบมุมดี ผมเจอทีไรต้องหลบเข้าถนนโงว ฟวัง นำ ทุกที(ถ้ามาช่วงกลางวัน ก็ลองแวะตัดผมได้ไม่ไกลโรงแรมRegend เป็น Footpath Hair cut) ส่วนที่อื่นๆก็ตามวงเวียนต่างๆโดยมากจะตรวจทุกต้นเดือนเหมือนบ้านเรา ถ้าออกนอกเมืองก็เตรียมสวมหมวกกันน๊อกหรือหมวกเซฟตี้ก่อสร้างก็ได้ ถ้าไม่มีเขาจะมีจุดให้เช่า ราคา 50.000 ด่อง หรือ เตรียมเงิน 100.000 ด่อง จ่ายค่าปรับกันเอง ฮ่า...โดยมากคนเวียตบ้านนอกจะโดนบ่อย สังเกตไม่ยาก ลองดูที่ป้ายทะเบียน อย่างในเขต อย่างในเมืองแถวแรกของป้ายที่เห็นจะเป็นเลข 51-,52-,53- เวลากลับบ้านช่วงตรุษก็ขนกลับไปบ้านด้วย หลังตรุษก็ขนกลับมาเก็บค่าขนส่งเท่ากับเดินทางหนึ่งคน(แพงครับ แต่จำเป็น) ส่วนรถยนต์ก็เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากติดป้ายทะเบียนแล้ว ยังต้องติดป้ายสติ๊กเกอร์เลขทะเบียนรถไว้ที่ด้านข้างรถด้วยทั้งสองฝั่ง เพราะเอาไว้ป้องกันการก่ออาชญากรรม หรือชนคนแล้วหนี ตามจับจะได้ง่าย(แค่ขับในเมืองคงหนียากเพราะรถติด) ส่วนรถมอไซต์ที่ผมใช้ ป้ายมันปลอมจากขนส่งครับ วิธีการสังเกตว่าปลอมหรือไม่ให้ดูที่ ลายปั๊มนูนของขนส่งเวียตนามวงขนาดเท่าเหรียญบาทไทย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะถ้าโดนตรวจก็หลายกระทงครับ ฮ่า...ป้ายก็ขาวดำเหมือนบ้านเรา แต่รถยนต์ก็มีต่างกันบ้าง สีอะไร และการนั่งแท๊กซี่ที่ต้องระวังอะไรบ้าง เป็นอย่างไรคงมาต่อกันคราวต่อไปครับ เพื่อนเวียตผมคนหนึ่งมีแนะนำอย่างไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ว่า ถึงแม้ว่าทุกคนจะขับขี่อย่างถูกกฎจราจร ยังไงก็ต้องโดนจับปรับปีนึงก็อย่างน้อยสองสามครั้ง อันนี้ยืนยันได้ เพราะเพื่อนเวียตคนนี้ขี่รถมอไซต์จนเข้านอน ICU มาแล้ว จริงจริง ฮ่า...