Dict Vietnam Onlines

Dict Vietnam Onlines
Google

See Vietnam

Loading...

หัวข้อยอดนิยม

culture (9) customs (1) economic (2) Entertainment (4) famous (1) food (7) football (1) gameshow (1) general (1) History (10) language (11) law (1) lifestlye (32) lifestyle (6) Music (1) MV (5) place (1) politic (1) singer (2) socities (5) sport (1) thai (2) travel (6) viet (1) vietnam (18) work (2)

Monday, September 15, 2008

มาตรการป้องกันนักขับรุ่นเยาว์ที่เวียตนาม

โดย Quynh Thu ทางการได้ใช้หลากหลายวิธีการ ในการห้ามนักขับขี่ที่มีอายุน้อยๆ โดยเฉพาะนักเรียนมัธยม แต่การส่งเสริมความรู้เรื่องกฏจราจรในการขับขี่ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ควรมี ในหลายมลรัฐของอเมริกา จะอนุญาตให้คุณสามารถขับขี่รถยนต์ตั้งแต่อายุ16ปี เช่นเดียวกับ เมืองออนตาริโอ แคนนาดา ในอังกฤษนั้นต้องอายุ 17 ปี เดนมาร์กต้องอายุ 17.5 ปี แต่ในเยอรมัน ฝรั่งเศสนั้น ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป บทความหนึ่งใน USA TODAY กล่าวว่า "ทุกวันนี้โดยเฉลี่ย จะมีคนตายในสหรัฐ สองคนต่อวัน จากยวดยานต์ที่ขับขี่ โดยเด็กอายุ16ปี หนึ่งในห้าของกลุ่มอายุ16ปี จะประสบอุบัติเหตุรถชนในปีแรกๆ " นักขับอายุ 16 ปียังมีจำนวนประวัติรถชนอย่างร้ายแรงมากกว่าถึงห้าเท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มนักขับที่อายุ 20 ปีหรือมากกว่านั้น ที่เวียตนามนั้น ตามกฎหมายจะอนุญาตให้ขับรถได้ ตั้งแต่อายุ18 ปี โดยขับขี่มอไซต์ได้ตั้งแต่50ccขึ้นไป แต่ในความจริงก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมเองเท่าที่สังเกตจะพบเห็นccสูงสุดบนท้องถนน ก็ 150 CC ในรถตระกูลฮอนด้าSH มีบ้างที่เป็นรถใหญ่ ตระกูล big bike Harley แต่ก็พบเห็นกันน้อย เคยเห็นครั้งหนึ่ง ที่หน้าร้าน Seventeen Saloon ถนนโตงดึ๊กทั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด สำหรับเมืองโฮจิมินห์ก็คือ นักขับขี่รถมอเตอร์ไซต์วัยรุ่นมีจำนวนประสบอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าวัยที่สูงกว่านี้ ในปีนี้เองก็มีคนตาย เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางถนนกว่า 800 คน เฉพาะในเขตเมืองแห่งนี้ และมีจำนวน 10% เสียชีวิตกว่าวัยอันควรบนท้องถนน ซึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตเหล่านี้กว่า 40% มีอายุน้อยกว่า 20 ปี! การเข้าแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยที่รัฐเองได้เพิ่มมาตรการกกข้อบังคับทางกฏหมายจราจรที่เข้มงวดขึ้น โดยการบังคับห้ามเยาวชนที่ต่ำกว่าอายุดังกล่าวขับขี่ โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมปลาย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนผมคนนึง พึ่งหัวเสียจาการโดนตำรวจไถเงินมา แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าขับขี่อย่างถูกต้องตามกฏ แต่ทว่าปีหนึ่งนั้น เขาต้องเสียเงินให้ตำรวจพวกนี้สองสามครั้งต่อปี(ครั้งนึงก็ 20.000-50.000 ด่อง)โดยไม่มีข้อต่อรอง จะว่าไปแล้วรถยนต์เองยังเป็นพาหนะที่แพงเมื่อเทียบกับฐานะความเป็นอยู่ของคนเวียตนามโดยทั่วไป และถนนเองก็แคบไม่คล่องตัวเลยหากเทียบกับมอเตอร์ไซต์แล้วมันยังคงความนิยมและใช้กันในครอบครัว พ่อแม่ชาวเวียตนามทั่วๆไปหลายคน ซื้อมอไซต์ให้ลูกเป็นของขวัญเมื่อเริ่มเข้าเรียนมัธยมปลาย(เกรด 10 ถึง เกรด 12=มัธยม 4-5-6)นั้นคือเมื่อย่างอายุ 16-18 ปี อันนี้คงคล้ายบ้านเราโดยที่บ้านเรานั้นไม่ต้องดาวน์เอาไปใช้ได้เลย(ดอกเบี้นน้อย ผ่อน โครตนาน...ฮ่า...)แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่นั่นก็คือการซื้อรถที่มี cc มากกว่า 50 cc. หรือจำพวก xe phân khi ln(แซ ฟาน คี อิน=มอเตอร์ไซต์สปอร์ตหรือมอไซต์ซิ่ง) ในการออกกฏหมายบังคับสำหรับเยาวชน ที่ขับขี่ที่ต่ำกว่าอายุดังกล่าว จะอนุญาตให้เป็นกรณีไป โดยทางฝ่ายปกครองโรงเรียนจะจดบันทึกชื่อนักเรียนที่ขับขี่รถซีซีสูงไว้ก่อนเพื่อตักเตือน แม้ว่าเด็กจะมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่พ้นสายตาตำรวจจราจร โดยที่เยาวชนดังกล่าว หากทำผิดกฏหมายจะต้องถูกจับกุม และถูกยึดรถไว้ 90 วัน การมารับคืนนั้นจะต้องให้ผู้ปกครองมารับทราบข้อกล่าวหา และค้ำประกัน คำรับรองจากเพื่อนบ้าน รวมทั้งฝ่ายปกครองของโรงเรียนมารับทราบ โดยทางฝ่ายปกครองโรงเรียนจะดำเนินการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียนดังกล่าว หากครบสามครั้งก็จะพ้นสภาพความเป็นนักเรียน Huynh Cong Minh,ผู้อำนวยการแผนกการศึกษาและอบรม ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวท้องถิ่น เชิงตำหนิฝ่ายปกครองของโรงเรียนว่า แม้นักเรียนในไซง่อนปกติส่วนมากเดินทางโดยรถเมล์ บางส่วนก็มากับผู้ปกครองหรือคนสนิท แต่ก็มีบ้างบางส่วนที่แหกกฏ โดยการขับขี่รถที่มีซีซีสูงเกินกฏหมายกำหนด มาเรียนที่โรงเรียนเองทั้งที่รู้ว่า อาจจะโดนตัดคะแนนได้ โดยพฤติกรรมของนักเรียนเหล่านี้ จะแอบไปจอดรถไว้ใกล้ๆโรงเรียน ตามจุดจอดรถทั่วไป โดยแอบแฝงไม่ให้พบเห็นได้ง่าย แต่เด็กหัวใสเหล่านี้รู้ดีว่า เมื่อตนเองไม่มีใบอนุญาต อาจไม่พ้นจากการสังเกตุจากตำรวจจราจร ถ้าหากสวมใส่ชุดนักเรียน พวกนี้จึงต้องหาชุดวอร์มเสื้อนอกมาใส่ เพื่อปกปิดชุดนักเรียนเอาไว้นั่นเองไว้ ข่าวของหนังสือพิมพ์ทันเนียนกล่าวว่า พ่อลูกคู่หนึ่งที่ต้องส่งลูกสาวไปโรงเรียนทุกวันขณะนี้ อยากให้ทางการยกเลิกกฏหมายห้ามเด็กขับขี่รถเพราะลูกสาวตนเองจะได้ขับขี่ไปเรียนเอง อย่างไรก็ตาม เขาเองได้เตรียมที่จะซื้อรถจักรยานไฟฟ้าให้ลูกสาวขับขี่แทน จะว่าไปแล้วรถจักรยานไฟฟ้านั้น ดูปลอดภัย และสะอาดดีต่อสิ่งแวดล้อมมากๆ หากการเข้มงวดกวดขันตามกฏหมายใหม่นี้เกิดขึ้น พวกเด็กนักเรียนที่ไม่มีใบขับขี่นั้น ก็คงต้องถูกออกจากโรงเรียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีทางแก้อีกมากมาย อยู่ที่ตัวครูอาจารย์และผู้ปกครองต้องปลูกฝังความคิด สร้างจิตสำนึกที่ดี เคารพกฏจราจร กฏของการอยู่ด้วยกันอย่างผาสุขให้แก่เยาวชน โดยพึงระวังถึงอันตรายเองจะดีที่สุด ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย ที่มา:Saigon Time Weekly

No comments: